PayPal ได้ทำการปรับปรุงโปรแกรมคุ้มครองผู้ขาย (Seller Protection) เพื่อยกเว้นธุรกรรมโทเค็น NFT ที่มีมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมปีนี้
ตามเอกสารที่อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมระบุว่า รายการหรือธุรกรรมต่าง ๆ เช่น ศิลปะ สื่อ โบราณวัตถุ หรือของสะสม ทั้งทางกายภาพหรือทางดิจิทัล เช่น NFT ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์ หรือมูลค่าเทียบเท่าในสกุลเงินท้องถิ่น ตามที่คำนวณ ณ เวลาที่ทำธุรกรรม จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ Seller Protection
“การแก้ไขโปรแกรม Seller Protection ของ PayPal นั้นก็เพื่อขยายรายการสินค้าที่ไม่มีสิทธิ์ รวมไปถึงโทเค็น NFT บางรายการที่มีมูลค่าธุรกรรมมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ”
โปรแกรมคุ้มครองผู้ขายของ PayPal จะให้สิทธิ์ผู้ขายในการรักษาจำนวนเงินที่ซื้อไว้เต็มจำนวน โดยนโยบายดังกล่าวจะคุ้มครองจากกรณีการปฏิเสธการชำระเงิน การคืนเงืน และการคัดค้านการจ่ายเงินเต็มจำนวนจากการชำระเงินที่มีสิทธิ์ อันเนื่องมาจากธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับสินค้า
PayPal ประกาศให้ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาสามารถซื้อ Bitcoin และ cryptocurrencies อื่น ๆ เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2020 และในปีถัดไปก็เริ่มอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่าย cryptocurrency เช่น Bitcoin (BTC), Ether (ETH), Bitcoin Cash (BCH) ) และ Litecoin (LTC) ที่ร้านค้าออนไลน์หลายล้านรายทั่วโลก
Dan Schulman CEO และประธานของ PayPal กล่าวก่อนหน้านี้ว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่คุณสามารถใช้ cryptocurrencies ได้อย่างราบรื่นในลักษณะเดียวกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในกระเป๋าเงิน PayPal ของคุณ เราคิดว่านี่เป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่คริปโตเคอเรนซีจะเปลี่ยนจากการเป็นสินทรัพย์ที่คุณซื้อ ถือ หรือขาย กลายเป็นแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายในการทำธุรกรรมในโลกแห่งความเป็นจริงกับผู้ค้าหลายล้านราย”