ด้วยข่าวล่าสุดเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อของดอลลาร์สหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยามากมายจากชุมชนคริปโต โดยสังเกตว่าเหตุการณ์ดังกล่าวควรผลักดันผู้คนให้เข้าหา Bitcoin ( BTC ) มากขึ้น เนื่องจากมองว่า Bitcoin ว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพต่ออัตราเงินเฟ้อของดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐรายงานการเพิ่มขึ้น 7.5% ในส่วนของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทางด้าน Nicholas Merten ผู้ก่อตั้ง Digifox อธิบายว่าเงินดอลลาร์อาจมีมูลค่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าปัจจุบันในปีต่อ ๆ ไปในอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน
Annual Inflation Hits 7.5%, and that's JUST what the FED is telling us. If this continues:
— Nicholas Merten (@Nicholas_Merten) February 10, 2022
Now: $1,000 today will be worth
Year 1: $925
Year 2: $856
Year 3: $791
Year 4: $732
Year 5: $677
Year 6: $626
Year 7: $579
Year 8: $536
Year 9: $496
Start assessing your options#Bitcoin
Jo Jorgensen นักการเมืองก็ได้แสดงความเห็นของเธอในการ “เข้าร่วมใน Bitcoin” ผ่านโพสต์บน Facebook ขณะที่นักวิเคราะห์คริปโตอย่าง Lark Davis ก็ได้ใช้โอกาสนี้แซวเกี่ยวกับการขาย BTC ในตอนนี้ ซึ่งเป็น “การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ” ในขณะที่ “เงินเฟ้อกำลังบ้าคลั่ง”
Inflation is going crazy, time to sell your inflation hedge #bitcoin!!!
— Lark Davis (@TheCryptoLark) February 11, 2022
LOL, not!!!!
ในขณะเดียวกัน Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance ก็ใช้โอกาสนี้เพื่อโปรโมต Bitcoin และ Binance Coin ( BNB ) ผ่านบัญชี Twitter ของเขา โดยยืนยันว่าทั้งสองเหรียญนั้นไม่มีอัตราเงินเฟ้อ
#bitcoin and #BNB don't have inflation.
— CZ 🔶 Binance (@cz_binance) February 10, 2022
ในทางกลับกัน นักลงทุน crypto Anthony Pompliano ได้แบ่งปันคำพูดถึงเงินเฟ้อจากนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน Milton Friedman ว่า “เงินเฟ้อคือการเก็บภาษีที่ไม่จำเป็นต้องมีการออกกฎหมายมารับรอง”
"Inflation is taxation without legislation" – Milton Friedman
— Pomp 🌪 (@APompliano) February 10, 2022
อัตราเงินเฟ้อเป็นตัววัดมูลค่าที่ลดลงของสกุลเงิน และส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงและอุปทานเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น หากสหรัฐอเมริกายังคงพิมพ์ดอลลาร์มากขึ้นกำลังซื้อของ USD อาจอ่อนค่าลง และทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น