เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2022 ที่ผ่านมา ทาง “Bitazza โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.” ได้มีการปรับปริมาณโทเคน BTZ ทั้งหมด จาก 300 ล้านโทเคน เป็น 3,000 ล้าน โทเคนและปรับปริมาณ BTZ ขอลูกค้าที่ถือไว้ก่อนหน้านั้นเพิ่มขึ้น 10 เท่า รวมถึงการปรับราคาโทเคนลงเพื่อคงมูลค่าตลาดด้วยนั้น อาจทำให้หลายๆคนเริ่มมาให้ความสนใจ BTZ กันมากขึ้น เลยอยากจะพามาทำความรู้จักและประเมินโอกาสในการเติบโตของ BTZ นี้กัน
BTZ คืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
BTZ เป็น Utility Token(ERC-20) ของทาง Bitazza ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับผู้ใช้งานและผู้ถือครอง ไม่ว่าจะเป็น
- Fee Discount : ใช้ในการลดค่าธรรมเนียมซึ่งจะลดได้สูงสุดถึง 75% เมื่อใช้ BTZ จ่ายเป็นค่าธรรมเนียม
- Bitazza Levels : สะสม BTZ เพื่อเลื่อนระดับสมาชิกโดยแต่ละระดับจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น การได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น
- Staking : การฝาก BTZ เพื่อรับผลตอบแทนเป็น BTZ เพิ่มเติมตามระยะเวลาที่ฝาก สูงสุด 40%ต่อปี
- Rewards : ใช้ BTZ เพื่อแลกรางวัลและบริการพิเศษจากทาง Bitazza และพาร์ทเนอร์
- Governance : สิทธิ์ออกเสียงเพื่อการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เช่น การเพิ่มเหรียญหรือคู่เทรดในแพลตฟอร์ม โดยจำนวนสิทธิ์ในการออกเสียงจะขึ้นอยู่กับจำนวน BTZ ที่เราถือ
และอาจรวมถึงการใช้งานกับสิ่งต่างๆที่จะตามมาในอนาคตอีกด้วย
**รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้**
สะสม BTZ ได้อย่างไร ?
ณ ตอนนี้ BTZ ยังไม่ได้เปิดให้มีการซื้อขายในแพลตฟอร์ม แต่จะสามารถสะสม BTZ ได้ก่อนผ่าน 4 ช่องทางหลักๆ คือ
**จำนวนเหรียญ BTZ ที่ผู้ใช้ต้องทำการสะสมจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากในรูป 10 เท่าจากเดิม**
- การซื้อขายแลกเปลี่ยนบน Bitazza : ทุกๆการเทรดบน Bitazza จะได้รับ BTZ ในสัดส่วนที่กำหนดตามระดับสมาชิก Bitazza ของเรา ยิ่งสะสมจนมีระดับที่สูงขึ้นก็จะยิ่งได้ BTZ เพิ่มขึ้นจากทุกๆการเทรด
- การแนะนำสมาชิกใหม่ : เมื่อชักชวนเพื่อนมาสมัครและยืนยันตัวตนสำเร็จผ่าน Referral Link จะได้รับ 5 BTZ จากทุกๆการสมัครและจะได้รับ BTZ 15-40%(ตามระดับสมาชิก) จากค่าธรรมเนียมซื้อขายของคนที่ชวนสำเร็จอีกด้วย
- การแชร์โพสใน Social Media ต่างๆ : ได้รับ BTZ จากการแชร์โพสจาก Application ลงใน Social Media ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Telegram หรือ Linkedin โดยจะสะสมได้สูงสุด 10 BTZ จากช่องทางนี้
- การร่วมกิจกรรมต่างๆของทาง Bitazza : ทาง Bitazza จะมีการแจก BTZ ผ่านกิจกรรมอยู่เป็นประจำ โดยสามารถติดตามกิจกรรมได้ที่เพจ Bitazza Thailand
**รายละเอียดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้**
รายละเอียดของ BTZ Token
จากการเพิ่มจำนวนโทเคนทั้งหมด 10 เท่าจาก 300 ล้านโทเคน เป็น 3,000 ล้านโทเคนนั้น ไม่ได้ทำให้ผู้ที่ถือ BTZ มาก่อนได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเพราะทาง Bitazza ได้มีการปรับปริมาณโทเคนในกระเป๋าของผู้ถือก่อนหน้านี้ทุกคนเพิ่ม 10 เท่าด้วยเช่นกัน ทำให้มูลค่าของ BTZ ทั้งหมดของผู้ถือนั้นมีค่าเท่าเดิม รวมถึงมูลค่าตลาดของ BTZ ด้วย
จากข้อมูลข้างต้นอาจจะยังบอกไม่ได้มากนักว่าโอกาสในการเติบโตนั้นเป็นไปได้อย่างไรบ้างหากเรายังไม่ได้ลองเปรียบเทียบข้อมูลสำคัญกับคริปโตเคอเรนซี่ตัวอื่นๆที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ซึ่งเราจะมาอธิบายแนวทางการประเมินเบื้องต้นในหัวข้อถัดไป
การประเมินมูลค่าสินทรัพย์บนโลกคริปโตเคอเรนซี่เบื้องต้น
ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่นั้นมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงรวมถึงผลตอบแทนที่ได้รับก็สูงเช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิมจะเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นปัจจัยหลักๆที่ดึงดูดให้ผู้คนในปัจจุบันเลือกมาลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่อย่างล้นหลาม
แต่หลายคนก็อาจจะลืมนึกถึงความเสี่ยงและไม่ทราบวิธีการประเมินมูลค่าเบื้องต้น จนเกิดหนึ่งในคำถามยอดฮิตจากมือใหม่หลายๆคนก็คือ เราสามารถประเมินมูลค่าของเหรียญได้ไหม? จะรู้ได้อย่างไรว่าราคาตอนนี้ราคาแพงไปหรือยัง? ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำหนึ่งในเทคนิคยอดฮิตที่มือใหม่สามารถใช้งานและเข้าใจได้ไม่ยาก นั่นก็คือการวิเคราะห์ Market Cap และ Fully Diluted Valuation ส่วนเหตุผลที่ต้องใช้สองตัวชี้วัดนี้ก็เพราะจำนวนเหรียญของแต่ละเหรียญที่มีไม่เท่ากัน เราจึงวิเคราะห์ที่ราคาเหรียญตรงๆไม่ได้
Market Cap หรือ Market Capitalization คือ มูลค่าของคริปโตเคอเรนซี่ ตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งถูกคิดมาจากการนำจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนทั้งหมดในปัจจุบันคูณด้วยราคาปัจจุบันของเหรียญนั้นๆ ซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาจัดอันดับขนาดของคริปโตเคอเรนซี่นั้นๆ โดยจะสามารถเขียนเป็นสมการให้เห็นภาพได้ง่ายๆคือ
Market Cap = Circulating Supply x Current Price
ซึ่ง Market Cap นี้จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่ใช้ในการจัดอันดับและใช้ในการเปรียบเทียบมูลค่าของคริปโตเคอเรนซี่แต่ละตัวกับคริปโตเคอเรนซี่ตัวอื่นๆที่อยู่ในประเภทเดียวกัน ยกตัวอย่างอย่างเช่น ในประเภทของ DeFi ถ้าเราอยากรู้ว่าราคาของ $CAKE มีโอกาสเติบโตได้มากน้อยขนาดไหนเราสามารถประเมินได้โดยการนำ Market Cap ไปเทียบกับเหรียญผู้นำของ DeFi อย่าง $UNI
ซึ่งจะเปรียบเทียบได้ดังนี้
- $UNI มี Market Cap อยู่ที่ประมาณ $7,093,587,793 ดอลลาร์สหรัฐ
- $CAKE มี Market Cap อยู่ที่ประมาณ $2,784,990,386 ดอลลาร์สหรัฐ
หากพิจารณาแค่ Market Cap เพียงอย่างเดียวจะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบ $CAKE ให้มี Market Cap เท่ากับ $UNI จะพบว่า $CAKE อาจมีโอกาสเติบโตได้อีกถึงประมาณ 2.5 เท่า (ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน)
Fully Diluted Valuation คือ มูลค่ารวมของคริปโตเคอเรนซี่ ณ ราคาปัจจุบัน หากอุปทาน(Supply)ของเหรียญทั้งหมดที่เป็นไปได้หมุนเวียนอยู่ในระบบ(เหรียญทั้งหมดถูกปลดแล้ว) โดยคิดมาจากจำนวนเหรียญทั้งหมดโดยรวมจำนวนที่ยังไม่ถูกปลดด้วย x ราคาปัจจุบันของเหรียญนั้นๆ โดยจะสามารถเขียนเป็นสมการให้เห็นภาพได้ง่ายๆคือ
Fully Diluted Valuation = Max Supply x Current Price
ยกตัวอย่างเช่น bitcoin
ทุกครั้งที่ปิดบล็อก bitcoin สำเร็จ เหรียญใหม่จะถูกสร้างขึ้น โดยในขณะนี้มีจำนวน $BTC ที่หมุนเวียนอยู่ราวๆ 19 ล้าน $BTC (ณ วันที่ 19 มกราคม 2022) และซอร์สโค้ดของ bitcoin กำหนดว่าจำนวนเหรียญสูงสุดที่สามารถสร้างได้จะถูกจำกัดไว้ที่ประมาณ 21 ล้าน $BTC
จากข้อมูลข้างต้นเราจะสามารถคำนวน Market Cap และ Fully Diluted Valuation คร่าวๆได้ดังนี้
$BTC มี Market Cap = 19,000,000 x $41,333 = $785,327,000,000
$BTC มี Fully Diluted Valuation = 21,000,000 x $41,333 = $867,993,000,000
**อ้างอิงราคาขณะที่เขียนบทความ**
การใช้ Fully Diluted Valuation จะมีประโยชน์ในการประเมินเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนบางคนใช้เพียงแค่ Market Cap (Circulating Supply x Current Price) ในการประเมินเท่านั้น โดยลืมพิจารณาปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย ซึ่งบางครั้งนักลงทุนอาจจะประเมินว่าคริปโตเคอเรนซี่ตัวใดตัวหนึ่ง มี Market Cap ต่ำมากน่าจะมีโอกาสเติบโตไปได้อีกไกล แต่ในอีกมุมหนึ่งถ้าลองพิจารณา Fully Diluted Valuation (Max Supply x Current Price) เช่นการดู Mcap/FDV หรือการวิเคราะห์ FDV ในหลายๆแง่มุม อาจจะพบว่ามูลค่าของคริปโตเคอเรนซี่ตัวนั้นสูงกว่าที่ควรแล้วก็เป็นได้ และ Fully Diluted Valuation ที่ต่ำนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะคุ้มค่าแก่การเลือกลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะความจริงแล้วยังมีอีกหลายปัจจัยและหลายตัวชี้วัดที่ควรนำมาวิเคราะห์ร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น
อัตราการผลิตเหรียญใหม่เข้ามาในระบบ เพราะส่วนใหญ่แล้วแต่ละเหรียญจะมีวิธีการปล่อยเหรียญเข้ามาในระบบในอัตราที่ไม่เท่ากัน ซึ่งหากมีการเพิ่มเหรียญเข้ามาในระบบจำนวนมากอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ Market Cap สูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามสมการ ทำให้ Mcap/FDV มีสัดส่วนที่มากขึ้น และส่วนมากการเพิ่มจำนวนเหรียญในลักษณะนี้จะทำให้ราคาต่อเหรียญปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นการทำให้มีอัตราการเฟ้อของเหรียญที่สูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนตัดสินใจขายเพื่อลดความเสี่ยง
**แต่กรณีนี้จะไม่เหมือนกับกรณีการเพิ่มปริมาณของ BTZ แต่อย่างใด เนื่องจาก BTZ ยังไม่มีการเปิดให้เทรดและทาง Bitazza มีการปรับราคาต่อเหรียญและเพิ่มจำนวนเหรียญในกระเป๋าทุกคนด้วย จึงทำให้ Market Cap และ Fully Diluted Marketcap รวมถึงมูลค่าของ BTZ ในกระเป๋าทุกคนมีค่าเท่าเดิม**
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้งานของโทเคน ยิ่งมีใช้งานที่ดีและมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ความต้องการมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นการทำให้มูลค่าพื้นฐานของโปรเจคเติบโตได้เร็วกว่าปริมาณ supply เหรียญที่กำลังจะถูกปล่อยออกมานั่นเอง และสุดท้ายนักลงทุนควรใช้ตัวชี้วัดหลายตัวในการประเมินมูลค่าและประเมินความเสี่ยงให้เหมาะสมในการลงทุนของตัวเอง
ผู้อ่านสามารถดู Market Cap และ Fully Diluted Valuationได้ที่ Coinmarketcap หรือ Coingecko
โอกาสในการเติบโต
เมื่อเรารู้จักวิธีการประเมินเบื้องต้นแล้ว เรามาลองวิเคราะห์โอกาสในการเติบโตคร่าวๆของ BTZ กันโดยคริปโตเคอเรนซี่ที่เราจะนำมาเปรียบเทียบกับ BTZ นั้นก็ควรอยู่ในหมวดหมู่หรือประเภทเดียวกัน ในที่นี้ก็คือเหรียญหรือโทเคนของ Centralized Exchange นั่นเอง
ล้วอะไรคือ Centralized Exhange ?
ในโลกคริปโตเคอเรนซี่นั้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนมักจะเกิดขึ้นบน 2 แพลตฟอร์มหลักๆนั่นคือ
- Centralized Exchange
เช่น Bitazza, Bitkub, Zipmex, SatangPro, Binance, FTX, Crypto.com
- Decentralized Exchange
เช่น Uniswap, Pancakeswap
โดยในที่นี้เราจะลองยกตัวอย่างเหรียญหรือโทเคนของ Centralized Exchange อย่าง Bitkub, Zipmex, Crypto.com และ FTX มาเปรียบเทียบกับของ Bitazza กัน
รายละเอียดของแต่ละเหรียญ/โทเคนโดยสังเขป
- Bitazza Token ($BTZ) : เป็น Native Token(ERC-20) ของ Bitazza ซึ่งสามารถถูกใช้ในการรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากทาง Bitazza ที่ถูกสงวนไว้ให้เฉพาะผู้ถือ $BTZ เท่านั้น
- Bitkub Coin ($KUB) : เป็น Native Coin ของ Bitkub Chain ที่จะถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายรวมถึงการใช้งานอื่นๆใน ecosystem ของ Bitkub
- Zipmex Token ($ZMT) : เป็น Native Token(ERC-20) ของ Zipmex Exchange ซึ่งสามารถถูกใช้ในการรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากทาง Zipmex ที่ถูกสงวนไว้ให้เฉพาะผู้ถือ $ZMT เท่านั้น
- Crypto.com Coin ($CRO) : เป็น Native Coin ของ Cronos Chain ที่จะถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่ายรวมถึงการใช้งานอื่นๆใน ecosystem ของทาง Crypto.com
- FTX Token ($FTT) : เป็น Native Token(ERC-20) ของ FTX Exchange ซึ่งสามารถถูกใช้ในการรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากทาง FTX ที่ถูกสงวนไว้ให้เฉพาะผู้ถือ $FTT เท่านั้น
ตารางการเปรียบเทียบโดยเรียงตาม Market Cap
จากตารางด้านบนหากเราลองเปรียบเทียบ Market Cap และ Fully Diluted Valuation ของ BTZ กับตัวอื่นๆที่อยู่ในประเภทเดียวกันแล้วนั้น จะเห็นได้ว่ามูลค่าตลาดของ BTZ นั้นยังเล็กกว่าตัวอื่นๆมากๆ แต่ถึงแม้ BTZ จะมีมูลค่าตลาดน้อยกว่าหลายเท่า แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีได้ว่า BTZ จะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในเร็วๆนี้เช่นกัน เรายังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆในหลายๆด้านควบคู่กันไปด้วยเนื่องจากแต่ละตัวต่างก็มีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันแม้ว่าจะจัดอยู่ในประเภท Centralized Exchange เหมือนกันก็ตาม ตัวอย่างเช่น Binance, Bitkub, Crypto.com นั้นมี Blockchain เป็นของตัวเอง ซึ่ง Native Coin ของ Blockchain นั้นๆ ในที่นี้คือ $BNB, $KUB และ $CRO ตามลำดับ จะถูกใช้จ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบน Blockchain รวมถึงการใช้งานอื่นๆใน ecosystem ของตัวเองอีกด้วย
แต่หากพิจารณาจากข้อมูลในปัจจุบันเราอาจประเมินได้ว่าในอนาคต BTZ อาจมีการใช้งานที่มากขึ้นจนทำให้มีมูลค่าตลาดใกล้เคียงกับ $ZMT ในปัจจุบันหรือมากกว่าก็เป็นได้ ส่วนในระยะยาวอาจมีมูลค่าตลาดเทียบเท่าหรือมากกว่า $CRO ในปัจจุบัน ก็อาจไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงเท่าไหร่นักเนื่องจากยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างที่กำลังจะมา ไม่ว่าจะเป็น การลดจำนวนโทเคนลงทุกไตรมาส(Burning Mechanism) หรือการเปิดให้เทรดได้ใน Bitazza Global ซึ่งจะทำให้มีความต้องการ (Demand) จากต่างประเทศด้วย หรืออาจมี blockchain ของตัวเองในอนาคตก็ได้ ซึ่งนี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น นักลงทุนควรพิจารณาตัวแปรอื่นๆควบคู่ไปด้วยเช่นกัน
Disclaimer : การเปรียบเทียบ Market Cap และ Fully Diluted Valuation เป็นเพียงหนึ่งวิธีในการประเมินมูลค่าเท่านั้น นักลงทุนควรพิจารณาตัวแปรอื่นๆควบคู่ไปด้วยรวมถึงพิจารณาความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน