จากกำไรเพียง 2 ดอลลาร์ต่อหุ้น บริษัท Jasmine Technology Solution ทำกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 150 ดอลลาร์ในปี 2021 นี้หลังประกาศข่าวการขุด crypto ที่ขณะนี้ยังขุดได้ไม่เกิน 10 BTC
ใครก็ตามที่คิดว่า cryptocurrencies น่าเบื่อต้องไม่รู้แน่นอนว่ามันส่งอิทธิพลมากเพียงใดต่อการประเมินค่ารูปแบบธุรกิจของบริษัทแบบดั้งเดิม
จะเป็นโฆณาเกินจริงหรือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ แต่บริษัทเทคโนโลยีในประเทศไทยแห่งนี้ก็ได้รับการประเมินกำไรใหม่ถึงเกือบ 7000% ภายในหนึ่งปี หลังประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจของบริษัทให้เน้นที่การขุด crypto มากขึ้น
Jasmine Technology Solution บริษัทโทรคมนาคมที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1990 ออกประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมของปีนี้ว่าทางบริษัทจะตั้งเป้าไปที่ธุรกิจการขุด cryptocurrency ในไม่ช้า
และคนไหนที่คิดว่าประกาศนี้เป็นแค่เรื่อง crypto ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญนัก ก็แปลว่ายังไม่ได้เห็นกราฟหุ้นของบริษัทอย่างแน่นอน เพราะการฟื้นตัวครั้งนี้นี่เองที่ทำให้ราคาหุ้นของ Jasmine Technology Solution พุ่งทะยานขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว แซงหน้าการเติบโตแบบ year-to-date (ช่วงเวลานับบัญชีตั้งแต่วันแรกของปีจนถึงวันปัจจุบัน) ถึง 6700% และก็ต้องขอบคุณความมหัศจรรย์ของ Bitcoin
Jasmine Technology Solution เริ่มต้นปีด้วยราคาคงที่ที่ 2 ดอลลาร์ต่อหุ้น ณ วันนี้ แต่ละหุ้นซื้อขายกันที่ 132.5 ดอลลาร์ และแตะจุดสูงสุดใหม่ (ATH: All-Time High) ที่ 150 ดอลลาร์ไปได้ในวันที่ 15 ธันวาคม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราคาก็เหวี่ยงไปมาไร้ทิศทางแน่นอน โดยผันผวนอยู่ระหว่าง 236 ดอลลาร์และ 138 ดอลลาร์ต่อหุ้น
และหากมองว่าตลาดกระทิงนี้ดูเกินจริง คุณอาจจะต้องจับเก้าอี้คุณไว้แน่น ๆ เลยถ้าได้รู้ว่าบริษัทนี้สร้างรายได้มากถึง 8 BTC จากการขุด – นี่ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ
ความคาดหวังของ Jasmine Technology Solution นั้นสูง เว็บไซต์อ้างว่าบริษัทตั้งใจที่จะสร้างฟาร์มขุด Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นที่ที่ขุด cryptocurrency ได้โดดเด่นที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนที่ Bitcoin จะลดลงอีกครึ่งหนึ่งในปี 2024
เป้าหมายเหล่านี้ดูเกินจริงยิ่งกว่า 8 Bitcoin ที่พวกเขาขุดได้เสียอีก แม้แต่หนึ่งในประธานของบริษัท โสรัชย์ อัศวะประภา ยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า ผลตอบรับจากเหล่านักลงทุนนั้นน่าประหลาดใจ
“ผลตอบรับจากนักลงทุนนั้นดีเกินความคาดหมายมาก มีวี่แววของการตอบรับเชิงบวกต่อทิศทางใหม่ ๆ ของบริษัทเรา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นก็ตาม”
นี่ไม่ใช่เพียงบริษัทเดียวที่หันมาใช้ cryptocurrencies อีกตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดในระบบนิเวศของ crypto คือ MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์บนคลาวด์ซึ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังได้รับคำชื่นชมไม่ขาดสาย โดยดำเนินการซื้อ Bitcoin ตามกลยุทธ์ของซีอีโออย่าง Michael Saylor
อีกด้านหนึ่ง บริษัทอย่าง HTC และ Kodak ได้ทดลองเปิดตัวอุปกรณ์ซึ่งเล็งเป้าหมายไว้ที่ระบบนิเวศของ crypto ในการใช้ต่ออายุแบรนด์ของพวกเขา แต่กลับได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก รวมถึงบริษัทใหม่ที่ลองเริ่มเข้าสู่วงการ DeFi อีกแห่งหนึ่งอย่าง RadioShack เป็นต้น
และท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังมีบริษัทแห่งอื่นอีก เช่น บริษัทผลิตชาและน้ำมะนาวอย่าง Long Island Ice Tea Corp. ที่เปลี่ยนชื่อไปเป็น Long Blockchain Corp. อย่างกะทันหัน ทำให้บริษัทต้องสูญเสียหุ้นไปและลงเอยด้วยการพบเจอกับคดีฟ้องร้องยาวเหยียด
ไม่มีใครรู้อนาคตของบริษัท Jasmine Technology Solution และก็ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายไร้ที่สิ้นสุด —ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีต่อบริษัทก็ตาม
