อย่างที่เรารู้กันดีว่าหนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญของ Bitcoin คือการเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีหน้าที่ในการเป็น Store of Wealth ให้กับเงินที่ด้อยค่าอย่างเงินกระดาษที่เราใช้กันในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังเกิดความรับรู้ใหม่ ๆ ของผู้คนจากความรู้จากสื่อและนักวิชาการต่าง ๆ Bitcoin เลยกลายเป็นที่รู้จักที่วงกว้างและมีการรับรู้ในแง่มุมที่ดีมากกว่าในอดีตที่ผู้คนมักมองว่ามันเป็น Scam
และเนื่องจากความน่าสนใจของมัน วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกการซื้อขาย Bitcoin ในแบบวิธีต่าง ๆ ให้นักลงทุนเข้าใจและชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีกว่าการซื้อขายที่เหมือนจะง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้วก็มีอะไรที่ซ่อนอยู่เหมือนกัน
เรามาเริ่มกันที่อย่างแรกคือ Spot กันดีกว่า
การเทรด Bitcoin แบบ Spot คือการที่เราเอาเงินที่เราต้องการจะใช้เทรดอย่างเช่น เงินบาท, ดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินสกุลอะไรก็ได้ ไปทำการซื้อขายตรง ๆ เพื่อได้รับหรือปล่อย Bitcoin ออกไป และเนื่องจากการเทรดแบบ Spot นั้นค่อนข้างง่าย เพราะฉะนั้นวิธีนี้เลยเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยงในเรื่องของการโดนปิด Position เพราะการเทรดแบบนี้ไม่มี Leverage มาเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการจะออม Bitcoin วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างเหมาะสมที่สุดเนื่องจากเราไม่ต้องกังวลเรื่องโดนปิด Position เช่นกัน
สำหรับการออมBitcoinในปัจจุบันนั้นเป็นหนึ่งในอีกตัวเลือกที่สำคัญที่ผู้คนพิจารณาในตอนนี้ เพราะอย่างที่เรารู้กันดีว่า “Bitcoin” (บิตคอยน์) เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก จึงถือว่าเก่าแก่ที่สุด ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา Bitcoin เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงลักษณะการดำเนินธุรกรรมต่างๆ ระหว่างบุคคล สามารถตรวจสอบได้ จึงทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่หันมาสนใจลงทุนกับบิตคอยน์มากขึ้น โดยการลงทุนใน Bitcoin นักลงทุนอย่างเรา ๆ ต้องมีความรู้ในการลงทุนเข้ามาในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบัน ราคา Bitcoin ยังมีความผันผวนสูง ซึ่งนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องหาทางการป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนด้วย
Global Exchange
เมื่อเราพูดถึง Spot ซึ่งคือวิธีการลงทุนแล้วไม่พูดถึงสถานที่ที่จะลงทุนก็คงเป็นไปไม่ได้ ต้องบอกว่าการลงทุนใน Bitcoin ในตลาดโลกนักลงทุนสามารถลงทุนได้ผ่านหลายที่ เพราะในปัจจุบันมีผู้ให้บริการในด้านนี้มากมาย อย่างที่เรา ๆ รู้จักกันดีก็มีเช่น Binance, FTX, OKEx และอื่นอีกเพียบ โดยนักลงทุนต้องทำการเปิดบัญชี และทำการฝากเงิน ผ่านตัวกลางในต่างประเทศ ซึ่งก็มีข้อจำกัดเช่น ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ , ความปลอดภัยของสินทรัพย์ หรือ ความยุ่งยากในการฝากถอน ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุน
แต่ที่นี้เราอาจจะสงสัยกันบ้างว่า แล้วพวกนักลงทุนรายใหญ่ ๆ เนี่ยเขาเทรดกันที่ไหน เขาไม่ได้เทรดที่ Global Exchange หรอ? ก็ต้องบอกว่าอาจจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะอย่างที่นักลงทุนแบบเรา ๆ รู้กันดีหรือเคยได้ยินว่า การลงทุนในตลาดเทรดของประเทศไทยนั้นกลุ่มนักลงทุนที่เทรดในตลาดเช่น นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย โดยนักลงทุนรายใหญ่จะเป็น กองทุนในไทยหรือ นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 50 % ในตลาด TFEX(Derivative) นักลงทุนกลุ่มนี้จะมีข้อมูลและเงินลงทุนที่มากกว่าจึงสามารถชี้นำตลาด TFEX ได้ง่ายแต่เนื่องจากตลาด TFEX มีขนาดที่เล็กทำให้ความน่าสนใจของนักลงทุนรายใหญ่ที่จะเข้ามาลงทุนไม่มากนัก แต่ในตลาดโลกหรือ Global Market เช่น CME (Chicago Mercantile Exchange เป็นตลาดอนุพันธ์ระดับโลกซึ่งตั้งอยู่ที่ชิคาโก) นักลงทุนรายใหญ่หรือ กองทุนรายใหญ่ที่เรียกว่า Hedge Funds ล้วนแต่มีความเชียวชาญสูงและ ตลาด CME มีสภาพคล่องสูงกว่า TFEX จึงทำให้การลงทุน ในตลาด CME มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะนักลงทุนที่อาศัยการลงทุนผ่านปัจจัยทางเทคนิค
Micro Bitcoin Futures
ดังนั้นนักลงทุนรายใหญ่จึงมักจะลงทุนในตลาด Derivative ยกตัวอย่างสัญญา Bitcoin ที่มีชื่อว่า Micro Bitcion Futures ซึ่งคือสินค้าใหม่ล่าสุดในตลาด CME ที่เราพูดก่อนหน้านี้ โดย Micro Bitcoin จำนวน 1 สัญญา มีขนาดเท่ากับ 0.1 Bitcoin และวางหลักประกันเพียง 2000 USD ก็สามารถซื้อขาย Bitcoin ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง นอกจาก Bitcoin แล้วไม่นานมานี้ CME ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งก็คือ Derivative สำหรับ Ethereum ที่มีชื่อว่า Micro Ether คล้าย ๆ กับ Micro Bitcoin ที่ Micro Ether จำนวน 1 สัญญาจะมีขนาดเท่ากับ 0.1 Ethereum โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ 6 โมงเช้า ถึง ตี 5 ของเช้าวันรุ่งขึ้น ผ่านโปรแกรมเทรดดิ้งแพลตฟอร์ม อย่าง MT5 และก็ต้องบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนรายใหญ่ก็สามารถเทรด Bitcoin Futures ได้นะ
ทีนี้เรามาลองเปรียบเทียบการลงทุนในสิ่งที่เราพูดมาดีกว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงบ้าง
Spot | Derivative (Micro Bitcoin Futures) | |
ส่วนมากของประเภทนักลงทุน | นักลงทุนรายย่อยนักลงทุนทั่วไป | นักลงทุนรายย่อยนักลงทุนทั่วไป นักลงทุนรายใหญ่นักลงทุนสถาบัน (สำหรับ Micro Bitcoin Futures นักลงทุนรายย่อยก็สามารถลงได้) |
จำนวนเงินที่ต้องใช้ขั้นต่ำ | เริ่มต้นน้อย(Exchange ส่วนมากกำหนดการซื้อขั้นต่ำที่น้อยมาก ๆ) | เริ่มต้นน้อย ไปจนถึงสูง(อย่าง Micro Bitcoin Futures ต้องมีการวางหลักประกันอย่างน้อย 2000 USD ต่อ 1 สัญญา) |
ความเสี่ยงที่จะถูก Liquidate | ไม่มี | น้อย ถึง มาก(ขึ้นอยู่กับ Leverage) |
แพลตฟอร์ม MT5
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักแพลตฟอร์ม MT5 หรือ MetaTrader 5 ต้องขออธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า MT5 เป็น โปรแกรมเทรดดิ้งแพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกเนื่องจากใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก และมีคุณสมบัติต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น
- ราคาซื้อขาย Real Time ตามตลาดโลก
- สามารถเทรดได้ทั้งบน PC และ Mobile
- มี Chart และ Indicators ราคาที่ช่วยนักลงทุนวิเคราะห์แนวโน้มราคา
- สามารถส่งคำสั่งได้หลากหลายรูปแบบ
- ส่งคำสั่งง่ายด้วย One Click
- รองรับระบบ Algorithmics Trading
สุดท้ายนี้สำหรับผู้ที่ต้องการอยากเทรด Bitcoin Futures เพื่อทำกำไร Bitcoin ทั้งขาขึ้นและขาลง และใช้โปรแกรม MT5 ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีข้อมูลให้มากมายครบถ้วนพร้อมใช้เทรด ก็สามารถไปสมัครและใช้ได้ที่เว็บไซต์ห้างทองแม่ทองสุกได้ด้วยนะ หรือสามารถคลิ๊ก ที่นี่ ได้เลย
“คำเตือนความเสี่ยง: “การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล”
อ้างอิง
รูปบิทคอยน์และเงินดอลลาร์ : https://moneyweek.com/investments/alternative-finance/bitcoin/601295/is-bitcoin-going-mainstream
รูป Exchange : https://stock.adobe.com/th/search?k=binance&asset_id=419396351
รูป Broker : https://www.ft.com/content/086ec02a-e6fc-11e6-967b-c88452263daf