เครือข่ายของ Bitcoin ผ่านการปรับค่า Difficulty ในเชิงลบอีกครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยลดลงเกือบ 5% และด้วยสิ่งนี้ทำให้เป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 ครั้งที่เลวร้ายที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
บล็อกเชนของ BTC มีความสามารถในการปรับตัวเองใหม่ โดยจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ขุดที่กำลังทำงาน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว เครือข่ายจะมีการปรับค่า Difficulty ให้มากขึ้นหรือง่ายขึ้นทุกๆ 2,016 บล็อก (ประมาณสองสัปดาห์)
และด้วยการปราบปรามครั้งล่าสุดจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีแรงขุด BTC เป็นส่วนใหญ่ นักขุดในจีนจึงต้องละทิ้งการลงทุนทางธุรกิจของตน และมองหาสถานที่ใหม่ที่จะตั้งรกราก ซึ่งส่งผลให้เครือข่ายประสบปัญหา และแรงขุดโดยรวมก็ลดลงมากกว่า 50%
และทำให้ล่าสุดค่า Difficulty ก็ยังคงลดลง 4.81% ตามข้อมูลจาก btc.com และการปรับลดครั้งนี้กลายเป็นการปรับเชิงลบครั้งที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ blockchain ของ Bitcoin ไม่คุ้นเคยมาก่อน
อันที่จริง ครั้งสุดท้ายที่มีการปรับค่า Difficulty ในเชิงลบ 4 หรือ (8) ครั้งติดต่อกันนั้นเกิดขึ้นเมื่อเกือบสิบปีก่อน ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน 2011
ในทางตรงกันข้าม การปรับในเชิงบวกต่อเนื่องกัน 56 ครั้งตั้งแต่ต้นปี 2013 ถึงปลายปี 2014
Hash Rate ของ BTC ซึ่งเป็นพลังประมวลผลรวมทั้งหมดที่นักขุดนำไปใช้ในเครือข่ายนั้น ลดลงต่ำสุดในรอบสองปีเมื่อจีนนับขุดในประเทศ ซึ่งในขณะนั้นตัวชี้วัดนั้นต่ำถึง 68Ehash/s
แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้นตั้งแต่นั้นมา นักขุดต่างเริ่มเปลี่ยนไปประเทศอื่น โดยส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปทางตะวันตก ทำให้ Hash Rate ของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนและฟื้นมาอยู่ที่ประมาณ 100Ehash/s
อ้างอิง : LINK
