FBI กู้คืน Private Key ของ Bitcoin มูลค่า 2.3 ล้านดอลลาร์หลังบ.ท่อส่งน้ำมันรายใหญ่โดนโจมตีจาก Ransomware

เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐจากกระทรวงยุติธรรม ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าได้มีการยึดทรัพย์สิน crypto มูลค่า 2.3 ล้านดอลลาร์ที่ถูกจ่ายให้กับแฮกเกอร์ที่โจมตี Colonial Pipeline โดยรองอัยการสูงสุด Lisa Monaco อธิบายในระหว่างการแถลงข่าวว่าตัวแทนของรัฐบาลกลาง “สามารถกู้คืนเงินส่วนใหญ่ที่จ่ายให้กับเครือข่าย Darkside ได้”

ก่อนหน้านี้ เครือข่าย Darkside ของแฮกเกอร์ได้ทำการโจมตีด้วย Ransomware กับทาง Colonial Pipeline และเรียกค่าไถ่ในราคาเกือบ 5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทางด้าน CEO ของ Colonial กล่าวว่าบริษัทได้อนุมัติให้ชำระเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประมาณ 4.4 ล้านดอลลาร์

แต่ทางด้านกระทรวงยุติธรรมตั้งข้อสังเกตเมื่อวันจันทร์ว่า จำนวนเต็มของการยึดได้ในครั้งนี้คือ 63.7 bitcoin ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 2.3 ล้านดอลลาร์ ณ เวลาที่ถูกจับ

“กระทรวงยุติธรรมได้ค้นพบและกู้คืนเงินที่จ่ายให้กับเครือข่าย Darkside กลับคืนมาได้ หลังจากโดนการโจมตีของ Ransomware เมื่อเดือนที่แล้ว” รองอัยการสูงสุด Lisa Monaco กล่าวระหว่างการแถลงข่าว  “การโจมตีของ Ransomware นั้นไม่สามารถยอมรับได้ แต่เมื่อพวกมันกำหนดเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เราก็จะไม่ละเว้นความพยายามใด ๆ ในการโต้กลับ” เธอกล่าวเสริม

“เราจะยังคงใช้เครื่องมือทั้งหมดของเรา และทรัพยากรทั้งหมดของเรา เพื่อลดผลของการโจมตี Ransomware และการโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆ” Monaco กล่าว

“private key สำหรับกระเป๋าดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของ FBI ในเขตภาคเหนือของแคลิฟอร์เนีย” ตามคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของตัวแทน FBI ที่ระบุเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2021

“ตั้งแต่วินาทีที่ FBI ได้รับข่าวกรองว่าผู้กระทำความผิดกำลังขู่ว่าจะปิด Colonial Pipeline ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของชาติของเรา และส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านตามแนวชายฝั่งตะวันออก ทีมสายลับของรัฐบาลกลาง นักวิเคราะห์ข่าวกรอง และอัยการ จากกระทรวงยุติธรรม ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสาขาอื่น ๆ ของรัฐบาลที่เน้นไปที่เรื่องเทคนิคพื้นฐานที่ผู้สืบสวนคดีอาญาทำในอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งหมด ได้เข้ามา ‘ติดตามเงิน’ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเทคนิคพื้นฐาน แต่การฝึกอบรมและการวิเคราะห์การสืบสวนของสกุลเงินดิจิทัลนั้นต้องการเครื่องมือและการเรียนรู้ขั้นสูง” William  Callahan ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของ Blockchain Intelligence Group (CSE: BIGG) กล่าว

“ในกรณีของ Colonial ผู้ตรวจสอบำด้ทำการ ‘ติดตามเหรียญ’ โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่ในบล็อคเชนของ Bitcoin ซึ่งเป็นสาธารณะ” Callahan กล่าวเสริม “ผู้ตรวจสอบและนักวิเคราะห์ ดำเนินการเฝ้าระวังโดยใช้ซอฟต์แวร์เพื่อติดตามการไหลของ bitcoin และทำการเฝ้าระวัง [ธุรกรรม] แบบเรียลไทม์  โดยซอฟต์แวร์ประเภทนี้ซึ่งใช้ร่วมกับเทคนิคการสืบสวนแบบดั้งเดิม และการทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศมีความจำเป็นในการขัดขวางและทำลายแก๊ง Ransomware เหล่านี้”

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป