กวิน พงษ์พันธ์เดชา ซีอีโอแห่ง ‘Bitazza’ สินทรัพย์ดิจิทัลใกล้ชิดชีวิตคนไทย

เด็กหนุ่มวัย 28 ปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ (University of California, Berkeley) พ่วงดีกรีปริญญาตรี 3 ใบได้แก่ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เศรษฐศาสตร์ และสถิติศาสตร์ เคยทำงานในตลาดหุ้นวอลล์สตรีต แต่แล้วก็เลือกเดินตามความฝันด้วยการเปิดบริษัทเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในชื่อ Bitazza

อาร์ท-กวิน พงษ์พันธ์เดชา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Bitazza) บริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ที่ถูกต้องตามกฎหมายไทย ภายใต้ใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง

เขาเป็นหัวหอกสำคัญในการบุกเบิกเรื่องสกุลเงินดิจิทัลในไทยเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ยุคแรกที่คนยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร เล่นอย่างไร รวมทั้งเชื่อมั่นในเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะสร้างโอกาสแห่งความเท่าเทียมให้กับทุกคนที่อยากลงทุน 

ในวันที่การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นทางเลือกของนักลงทุนที่อยากกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ พร้อมกับคาดหวังกำไรที่งอกเงยในช่วงขาขึ้นของตลาด

‘High Knowledge High Return’ คือหลักการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล คำจำกัดความที่เขาอยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ ว่าต้องศึกษาทำความเข้าใจตลาด รู้จักสกุลเงินดิจิทัลที่จะลงทุน ความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส เพื่อจะไม่ให้โดนหลอกได้ง่าย รวมทั้งธรรมชาติของตลาดที่มีความผันผวนสูง เรียกว่ามีโอกาสทำกำไรมาก ก็มีโอกาสขาดทุนมากเช่นกัน

“อิสรภาพในการเดินทางไปจุดหนึ่งถึงจุดหนึ่งในโลกคริปโตฯ มันน่าหลงใหลมาก เราเชื่ออะไรก็ไปตรงนั้นโดยที่ไม่มีขอบเขต”

อดีตคนทำงานในตลาดหุ้นวอลล์สตรีต

เขาค้นพบความสนใจของตัวเองในช่วงที่เรียนสาขาวิศวกรรมศาสตร์ นั่นคือเรื่องของคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือเอไอ (AI) พร้อมๆ กับสนใจเรื่องการเงินการลงทุน จึงเรียนเพิ่มทางด้านเศรษฐศาสตร์และสถิติ กลายเป็นที่มาของการเรียนจบด้วยปริญญาตรีถึง 3 ใบ

“เราเรียนจบก็ได้ไปทำเกี่ยวกับเฮดฟันจ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีต คือเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้วให้มันเทรดหุ้นให้เราอยู่ตลอดเวลา ทำไปได้สองปีก็ถึงจุดอิ่มตัว เลยขอลาออก เพราะโลกการเงินทำให้เราไม่ได้เจอคน แล้วเป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงยาก คือคนรวยเท่านั้นถึงจะซื้อข้อมูลที่แพงมากได้ มีเงินจ้างนักวิเคราะห์ ลงทุนกับซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ สุดท้ายก็ตกอยู่ในมือคนไม่กี่คนที่หาผลประโยชน์กับมันได้ 

“บรรยากาศในตลาดหุ้นวอลล์สตรีตมันอยู่บนพื้นฐานของเพอร์ฟอร์แมนซ์ ถ้าเราเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อหาเงิน ก็ต้องไปแข่งกับคนอื่นด้วย เหมือนเรียนหนังสือ ใครคะแนนดีได้อยู่ต่อ ใครคะแนนไม่ดีก็สอบตก ต้องออกไป มันเป็นการคัดเลือกคนที่มีการแข่งขันสูงมาก ขณะเดียวกันก็ไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับสังคมขนาดนั้น แค่เทรดทำเงิน แล้วก็เข้าถึงยาก

“ส่วนตัวผมชอบเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือคนได้ แต่สาเหตุที่เราทำตลาดหุ้นวอลล์สตรีต เพราะอยากหาวิธีให้คอมพิวเตอร์ช่วยบริหารเงินได้ดีขึ้น โชคดีตอนนั้นช่วงปี 2017 เราเริ่มศึกษาเทคโนโลยีบล็อกเชน เรื่องคริปโตเคอร์เรนซี ก็พบว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่ดี เปิดโอกาสให้คนเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย”

โปร่งใสและเท่าเทียม

สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อในเทคโนโลยีบล็อกเชน และคริปโตเคอร์เรนซี ต้องย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นของมัน คือวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) ช่วงปี 2008-2009 ที่เลห์แมน บราเธอร์ส (Lehman Brothers) ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ยื่นขอล้มละลาย ใครจะไปคิดว่าธนาคารระดับนี้จะล้มลง พร้อมกับการเกิดขึ้นของบิตคอยน์ โดยซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto) ได้สร้างสกุลเงินบางอย่างขึ้นมาในแบบที่ไม่มีรัฐบาลกลางมาควบคุม

“เราอยากอยู่ในโลกเสรี ที่ผมและประชาชนเป็นเจ้าของเงินแบบเดียวกัน ที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่สหรัฐฯ ไทย แอฟริกา แล้วเป็นเงินที่คนยอมรับทั่วโลก มีความโปร่งใสเป็นสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นสาธารณะเปิดให้ทุกคนตรวจสอบได้

“สิ่งที่น่าทึ่งของบิตคอยน์ คือมีกฎที่เขียนไว้ว่ามีแค่ 21 ล้านบิตคอยน์ ทำให้มีคนที่ชอบอุดมการณ์แบบนี้มาช่วยกันขุดบิตคอยน์ กลายเป็นชุมชนคนออนไลน์ที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน แต่ในทางกลับกันก็มีคนอีกกลุ่มบอกว่าไม่เห็นด้วยกับบิตคอยน์ แต่เราเชื่อว่ามันทำอะไรได้มากกว่านี้ ก็ไปต่อยอดสร้างเป็นระบบใหม่ เป็นการทำธุรกรรมที่สลับซับซ้อนมากขึ้น ”

“อิสรภาพในการเดินทางไปจุดหนึ่งถึงจุดหนึ่งในโลกคริปโตฯ มันน่าหลงใหลมาก เราเชื่ออะไรก็ไปตรงนั้นโดยที่ไม่มีขอบเขต”

เชื่อมโลกเงินบาทกับเงินดิจิทัล

เขาร่วมกับเพื่อนก่อตั้ง Bitazza ขึ้นมาช่วงปี 2017 โดยเป็นนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีจุดเด่นตรงที่ส่งคำซื้อขายของลูกค้าไปยังศูนย์ซื้อขายต่างๆ ทั่วโลกได้ หรือการพาลูกค้าไปลงทุนยังต่างประเทศ ขณะที่เจ้าอื่นอาจจะจับคู่ซื้อขายได้เฉพาะภายในระบบตัวเอง

“เราสร้าง Bitazza ขึ้นมา โดยไม่อยากให้เป็นแค่การลงทุน เราอยากสร้างอะไรบางอย่างให้คนเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ด้วย เพราะตอนนั้นประเทศไทยยังไม่ค่อยมีใครเข้าถึงตรงนี้เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งก็โชคดีว่ามีกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย ก็น่าจะทำให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย เลยทำเป็นโบรกเกอร์ขึ้นมา ว่าอยากจะพาคนไทยไปเทรดที่ไหนก็ได้ในโลก

“หน้าที่เราคือเอาเหรียญมาให้นักลงทุนเลือก ซึ่งเราก็ต้องทำการบ้านมาในระดับหนึ่ง โปรไฟล์และความน่าเชื่อถือของเหรียญนั้น มีการตรวจสอบระบบหรือเปล่า หรือจ้างแฮกเกอร์มาลองโจมตี

“อะไรก็ตามที่อยู่รอดมานาน ยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตลาดหุ้นวอลล์สตรีต ที่อยู่มานานป็นร้อยปี เลยมีความน่าเชื่อถือ แต่สิ่งสำคัญคือความผันผวนของราคา เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ เกิดการเก็งกำไรเยอะ นักลงทุนต้องระวัง หาข้อมูลเพื่อให้มั่นใจว่าเวลาลงทุนเราเข้าใจในสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพื่อนบอกให้ลงทุนก็ลงทุน และต้องระวังการหลอกลวง คือถ้ามีคนบอกให้เปิดพอร์ตลงทุนในบิตคอยน์ แต่เป็นบริษัทอะไรก็ไม่รู้ ก็อาจโดนหลอกได้เช่นกัน”

ซีอีโอหนุ่มย้ำว่า Bitazza คือตัวกลางที่เชื่อมโลกของสกุลเงินดิจิทัลกับโลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน สามารถซื้อขายบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้อย่างสะดวก ซื้อขายเป็นเงินบาทได้ หรืออยากขายบิตคอยน์มาเป็นเงินบาทก็ได้เช่นกัน

อนาคตของบิทาซซ่า 

“ตั้งแต่วันแรกเราเริ่มตั้งบริษัทด้วยแรงผลักดันที่อยากให้คนเข้าถึงโอกาสในการลงทุนแบบเดียวกับคนทั้งโลก โดยไม่สำคัญว่าคุณเป็นใคร ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว เนื่องจากปัจจุบันการเปิดพอร์ตลงทุนต่างประเทศ ต้องมีบัญชีต่างประเทศ หรือรู้จักกับคนที่นั่น ซึ่งมันยากมาก แต่ถ้าเราสร้างเทคโนโลยีตัวหนึ่งขึ้นมาให้คนทั่วไปใช้ แค่มีอินเทอร์เน็ตก็เข้าถึงได้ ทำให้คนมีโอกาสเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร แล้วเราให้ความรู้กับทุกคน ให้เขาตัดสินใจเอง

“ยกตัวอย่างถ้าเราจะเริ่มทำธุรกิจ ก็ต้องหาผู้ลงทุน แต่ถ้าโอกาสในการลงทุนอยู่ในบล็อกเชน ก็สร้างบางอย่างขึ้นมา เดี๋ยวเงินก็ตามมาเอง เป้าหมายเราคืออยากให้บล็อกเชนถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ให้กับทุกคน ด้วยอุดมการณ์ของมันคือสร้างความเท่าเทียม ความเสมอภาค และความโปร่งใส

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป