วันที่ 3 พฤษภาคมรายงานจากบางกอกโพสต์ ระบุว่าสำนักงานต่อต้านการปราบปรามการฟอกเงินสำนักงาน (ปปง) ประกาศว่าในของเดือนกันยายนเว็บเทรดคริปโตต้องตรวจสอบตัวตนของลูกค้าใหม่โดยใช้ “dip chip”
ปัจจุบันผู้ใช้ใหม่ที่ต้องการทำ KYC กับเว็บเทรดของไทยสามารถยืนยันตัวตนได้ด้วยการส่งเอกสารทางออนไลน์ แต่ด้วยเครื่อง dip-chip นั้นจะต้องทำการสแกนชิปที่ฝังอยู่ในบัตรประจำตัวประชาชนของไทย โดยจะต้องให้ลูกค้าแสดงตัวจริงเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งกฎใหม่นี้อาจป้องกันไม่ให้นักลงทุนต่างชาติที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนไทยเข้าถึงเว็บเทรดในประเทศได้
ข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งทางด้านนายปรมิน อินโสม ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการ Satang Corp. กล่าวว่า “เว็บเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่ยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมระบบเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้สมัครบัญชีใหม่ยังคงหลั่งไหลเข้ามา อย่างไรก็ตามการเติบโตนี้อาจถูกจำกัดหากขั้นตอนการสมัครมีความซับซ้อนมากขึ้น” นายปรมินทร์กล่าว
โดยปัจจุบันนั้น จำนวนบัญชีเว็บเทรดคริปโตของไทยเพิ่มขึ้นจาก 160,000 บัญชี ณ สิ้นปี 2020 เป็นเกือบ 700,000 ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
นายปรมินทร์ยังกล่าวต่อว่า เว็บเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลมีหน้าที่รายงานธุรกรรมใด ๆ ที่มีมูลค่าเกิน 1.8 ล้านบาทภายใต้กฎหมายฟอกเงินและต้องจัดทำฐานข้อมูลเพื่อการตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแล
นอกจากนี้ ร้านทองทั่วประเทศกว่า 6,000 แห่ง จะต้องขอให้ลูกค้าแสดงบัตรประชาชนเมื่อมีการซื้อหรือขายทองคำมูลค่าสูงกว่า 100,000 บาทเป็นเงินสด
ด้านสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลประเทศไทยกำลังวางแผนที่จะจัดให้มีการอภิปรายเกี่ยวกับกฎระเบียบที่กำลังจะมีขึ้น โดยเปิดโอกาสให้มีการเจรจากับหน่วยงานที่กำกับดูแลรวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และปปง.