นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในการเสวนาทาง Live เฟซบุ๊กเรื่อง “เจาะประเด็น การกำหนดคุณสมบัติผู้ลงทุนคริปโทฯ” ว่า ก.ล.ต.ยังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์บังคับใช้ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการเปิดรับความเห็นที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่เปิดจนถึงขณะนี้มีผู้แสดงความเห็นมาแล้ว 6 พันราย
สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีที่ทาง ก.ล.ต. เสนอ เช่น คุณสมบัติด้านฐานะการเงินและ/หรือด้านความรู้ความเข้าใจ
- มีรายได้ต่อปีไม่นับรวมกับคู่สมรส ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป
- มีสินทรัพย์สุทธิ (net worth) ตั้งแต่ 10 ล้านบาท โดยไม่นับรวมมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยประจำ
- มีมูลค่าการลงทุนในหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ดิจิทัล (port size) ตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป
ขณะที่คุณสมบัติด้านความรู้ ระบุไว้ว่า
- ต้องมีประสบการณ์ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี หรือ มีประสบการณ์ลงทุนในหลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 2 ปีหรือเป็น professional ตามที่ ก.ล.ต.กำหนด
- ในกรณีผู้ลงทุนลักษณะอื่นที่ไม่เข้าข่ายข้อกำหนดข้างต้น จะต้องลงทุนผ่านผู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (DA Fund manager) เท่านั้น
- การเปิดบัญชีใช้บริการใหม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท และผู้ลงทุนต้องผ่านการทดสอบความรู้ (knowledge test) ก่อน
เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า สาเหตุที่ ก.ล.ต.มีแนวคิดปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้ลงทุนในคริปโทฯ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก ซื้อขายได้ทั่วโลกตลอด 24 ชม. 7 วัน รวมถึงในประเทศไทยเมื่อพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ แล้ว และต่างประเทศก็มีแนวคิดออกมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติมทั้ง ฮ่องกง อังกฤษ อินเดีย และอีกหลายประเทศ รวมทั้งออกคำเตือนผู้ลงทนให้ระมัดระวังด้วย
“อยากให้เห็นว่าความผันผวนมันรุนแรงและรวดเร็วแค่ไหน คริปโตฯ ก็เช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัล ประเด็นสำคัญคือ ไม่มีใครรู้ว่ามูลค่าแท้จริงของคริปโตฯ เป็นเท่าไหร่ เพราะมูลค่าขึ้นกับคนทั่วไป ที่จะยอมรับหรือเห็นคุณค่า และพึงพอใจในตัวมัน ทุกคนเข้ามาซื้อขายได้ 24 ชม. ไม่มีปิดตลาด ไม่มีเพดานราคา การขึ้น 20-50% เป็นเรื่องปกติ”
นอกจากนั้น หลังจากติดตามสถานการณ์การซื้อขายในไทย พบว่าผู้ลงทุนรายใหม่ ๆ สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่อายุยีงน้อย ซึ่งมีคนอายุต่ำกว่า 20 ปีถึง 3% ของผู้ลงทุนทั้งหมด ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ แต่มีเพียงบางส่วนที่มีประสบการณ์ลงทุนใน Crypto
ก.ล.ต.จึงห่วงใยและพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้แก่ผู้ลงทุน รวมถึงออกคำเตือนเพื่อให้ตระหนักในข้อเท็จริงเหล่านี้ พร้อมกำชับผู้ประกอบธุรกิจต้องให้ข้อมูลลูกค้าอย่างเหมาะสม รวมถึงการทำแบบประเมินความเสี่ยงด้วย
“การใช้หลักรายได้ หรือความรู้ เป็นเพียงตุ๊กตาสอบถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ มีข้อเสนอแนะอื่นหรือไม่ โดยเราจะปิดรับฟังในวันที่ 27 มี.ค.เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.พิจารณา”เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว
ขณะที่ทางด้าน จอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายระดมทุน สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ปัจจุบันทาง กลต. ยังไม่มีการกำหนดหนักเกณฑ์กำกับการลงทุนนักลงทุน Cryptocurrency แต่อย่างใด เป็นแค่ช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็นเท่านั้น ซึ่งการออกมาเคลื่อนไหวของ กลต. ในครั้งนี้ เกิดจากความเป็นห่วงนักลงทุนที่อาจจะไม่มีความเข้าใจความผันผวนสูงของตลาด และเข้ามาตามกระแส เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาด Cryptocurrency ไม่มี Traditional Asset อ้างอิง ทำให้ราคาขึ้นและลงสูงได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ก.ล.ต.ห่วง 2 ประเด็น คือ ความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุน ถ้าไม่เข้าใจคือความเสี่ยงมากที่สุด เพราะ Crypto เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูงมาก ผู้ลงทุนบางรายอาจจะเห็นคนอื่นลงทุนแล้วประสบความสำเร็จแล้วอยากรวยบ้างจึงลงทุนตามกระแส หรือกลัวว่าจะตกขบวน อยากรวยทางลัด ไม่ได้ศึกษาข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.ก็มีความกังวลว่าสิ่งที่กำหนดออกไปอาจทำให้เกิดผลกระทบ เช่น นักลงทุนมองว่าทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ การปิดกั้น ผู้ลงทุนอาจจะหนีไปเทรดในต่างประเทศ หรือในตลาดที่ไม่มีความคุ้มครอง จึงต้องเปิดรับฟังความเห็นอย่างแท้จริง เพราะอยากเห็นอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างแข็งแรงและมั่นคง ซึ่งจะต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม
นางสาวนภนวลพรรณ์ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน ก.ล.ต.ชี้แจงเกณฑ์เบื้องต้นที่ ก.ล.ต.กำหนดออกมา ในแง่ของประสบการณ์การซื้อขายคริปโทฯ ไม่ได้กำหนดระยะเวลา ขอเพียงเคยซื้อขายมาก่อนทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ และหากซื้อขายอยู่แล้ว แต่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องขายทิ้ง แต่ไม่สามารถลงทุนใหม่ได้
นายสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับตลาด ก.ล.ต. กล่าวว่า การกำหนดให้ผู้ลงทนทำการทดสอบ เพื่อต้องการให้รู้จักสิ่งที่กำลังลงทุนอยู่ ทั้งธรรมชาติตัวสินค้าที่ลงทุน เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงและผลตอบแทน และเรื่องที่เพิ่มเข้ามาคือเงื่อนไขการบริการ เพราะเคยมีข้อร้องเรียนจากผู้ลงทุนที่ไม่เข้าใจเงื่อนไข ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องสอบผ่านด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 80%
ทั้งนี้ ระหว่างการไลฟ์สดก็มีผู้ที่สอบถามแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ได้แก่ เหตุใดจึงไม่ใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวกับการลงทุนใน DW หรือตลาด TFEX ที่มีความผันผวนสูง , เสนอใช้เกณฑ์คุณสมบัติด้านฐานะว่ามีสินทรัพย์เท่าใดสามารถลงทุนได้เท่าใดแทนการกำหนดขั้นต่ำ 1 ล้านบาท, กังวลว่าอาจจะทำให้คนหนีไปลงทุนในตลาดมืด, เป็นการจำกัดสิทธิ ปิดกั้นผู้ลงทุน ไม่เป็นธรรม เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น, การกำหนดให้ลงทุนผ่านกองทุนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางธุรกิจ, เสนอให้ใช้บัตรประชาชนเป็นหลักฐานยืนยันอายุแทนใช้เกณฑ์รายได้, เมื่อ ก.ล.ต.ได้รับความเห็นไปแล้วควรมีวิธีการที่โปร่งใสด้วยการเปิดประชาพิจารณ์อีกครั้ง เป็นต้น