หลังจากการกลับตัวของราคาอย่างรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทำให้ Bitcoin ถอยลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล ขณะนี้นักเทรดและนักวิเคราะห์ต่างจับตาดูผู้เล่นรายใหญ่และนักลงทุนเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ Bitcoin และจนถึงตอนนี้ปฏิกิริยาก็ค่อนข้างหลากหลาย
ข้อมูลจาก Glassnode บริษัทวิเคราะห์ on-chain ระบุว่า จำนวนปลาวาฬ Bitcoin ซึ่งเป็นคำเรียกของกระเป๋าที่มีอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 10,000 BTC ซึ่ง Glassnode ระบุว่าอาจถึง “จุดสิ้นสุดของฤดูวางไข่ของวาฬ” แล้ว

บล็อกของ Glassnode ได้แจ้งให้ทราบว่า “ส่วนที่มีขนาดใหญ่” ของการลดลงอาจเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างกระเป๋าของผู้ดูแล ซึ่งอาจเป็นการเคลื่อนย้ายเหรียญไปยัง deep storage เป็นผลให้มันอาจจะยากที่จะบอกได้ว่าการลดลงของกระเป๋าปลาวาฬ เป็นผลจากการเทขายออกไป
ในขณะเดียวกัน ในทวีตเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Lex Moskovski ซีอีโอของ Moskovski Capital ตั้งข้อสังเกตว่านักขุด Bitcoin ซึ่งมักตกเป็นแพะรับบาปอยู่บ่อยครั้งเมื่อเกิดการเทขายของราคา ก็ได้เริ่มมีการสะสมเหรียญมากขึ้นเมื่อเทียบกับการเทขาย
Miners have stopped selling and started accumulating #Bitcoin
— Lex Moskovski (@mskvsk) February 27, 2021
Yesterday was the first day since Dec, 27 when Miners Position change turned positive.
Miners were selling their bitcoins for two months.
Bullish. pic.twitter.com/S89iBcz4k3
ในทำนองเดียวกัน ดูเหมือนจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการสะสมของฝั่งสถาบัน โดยทางด้าน Ki Young Ju ซีอีโอของ CryptoQuant กล่าวว่า ปริมาณ BTC ในกระเป๋าเว็บเทรดยังคงลดลงซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของสถาบันอย่างต่อเนื่อง:
Another significant Coinbase outflows at 48k. US institutional investors are still buying $BTC.
— Ki Young Ju 주기영 (@ki_young_ju) February 26, 2021
I think the major reason for this drop is the jittering macro environment like the 10-year Treasury note, not whale deposits, miner selling, and lack of institutional demand. https://t.co/wzwkwMhJWx pic.twitter.com/1uEEF8SX5Q
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดบางชิ้นระบุว่า สถาบันที่ใช้ Bitcoin อาจไม่ส่งผลกระทบต่อราคามากเท่าที่คิดไว้ในตอนแรก ยิ่งไปกว่านั้นตัวชี้วัดยังชี้ให้เห็นว่าความคลั่งไคล้ของรายย่อยยังแทบจะไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการปรับฐานครั้งล่าสุดอาจเป็นเพียงชั่วคราว และการผลักดันราคาครั้งต่อไปคือจุดที่ FOMO จะเข้ามา
อ้างอิง : LINK