พนักงานในเมืองไมอามี่สามารถเลือกรับเงินเดือนเป็น Bitcoin แทน USD ได้ในไม่ช้า ในการให้สัมภาษณ์กับ Forbes นายกเทศมนตรี Francis Suarez กล่าวถึงเส้นทางในการขยายการยอมรับ Bitcoin ไปทั่วเมือง รวมถึงการให้เงินเดือนพนักงานเป็น BTC
บุคคลสำคัญในโลกของสกุลเงินดิจิทัลได้ตอบรับแนวคิดดังกล่าว โดย Jack Dorsey CEO ของ Twitter และ Square เรียกสิ่งนี้ว่า “ฉลาดมาก” บน Twitter
Smart https://t.co/wxsQkbfPef
— jack (@jack) February 2, 2021
Tyler Winklevoss ผู้ร่วมก่อตั้ง Germini กล่าวว่านายกเทศมนตรีคือ “ผู้นำทางให้กับรัฐบาลและ Bitcoin”
นายกเทศมนตรี Suarez บอกกับ Forbes ว่าเนื่องจากความนิยมของ crypto ในหมู่ประชาชนเพิ่มขึ้น เขาจึงต้องการทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อทำให้ Miami เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับ Bitcoin โดยยังมีข้อเสนออื่น ๆ รวมถึงการอนุญาตให้ชำระค่าธรรมเนียมและภาษีในท้องถิ่นเป็น Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ รวมถึงการลงทุนในเงินคลังของเมืองบางส่วนเป็น Bitcoin ตามอย่างของ Microstrategy
Suarez อธิบายว่าการแบ่งเงินลงทุนจากคลังจะมีโครงสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้เขายังเปิดเผยว่าเขากำลังพิจารณาจัดหาเงินทุนสำหรับแคมเปญการเลือกตั้งใหม่ใน Bitcoin เพื่อช่วยหาทุนให้กับแคมเปญทางการเมืองกับพรรคเดโมแครต
นายกเทศมนตรีเชื่อว่า Bitcoin จะเป็น “เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
ปลายปีที่แล้วนายกเทศมนตรีเรียก Bitcoin ว่าเป็น “การลงทุนที่มั่นคง ” ในช่วง “ปีที่ไม่แน่นอนอย่างไม่น่าเชื่อ” และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้อัปโหลดเอกสาร whitepaper ของ Bitcoin ไปยังเว็บไซต์ของรัฐบาล
นายกเทศมนตรีบอกกับ Forbes ว่าเขาได้ติดต่อไปยังรัฐและเขตอื่น ๆ รวมถึง Caitlin Long ในไวโอมิงและ Jimmy Patronis CFO ของฟลอริดา เพื่อช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรกับ Bitcoin ในสภานิติบัญญัติของฟลอริดา ซึ่งความพยายามเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เมืองเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่สำคัญแห่งต่อไปในสหรัฐฯโดยมีแผนจะพัฒนานวัตกรรมและการเติบโตทางเทคโนโลยีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
YES WE ARE!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!👇 https://t.co/sm4l9FChYO
— Mayor Francis Suarez (@FrancisSuarez) January 27, 2021
หากการดำเนินการเหล่านี้มีผลบังคับใช้ พลเมือง 450,000 คนของไมอามี่อาจได้รับการสนับสนุนให้เริ่มทำธุรกรรมใน Bitcoin เป็นประจำ โดยมีศักยภาพที่จะแพร่กระจายไปยังผู้อยู่อาศัยที่เหลืออีก 21.5 ล้านคนในฟลอริดา นอกจากนี้ยังทำให้เมืองน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับ บริษัทเทคโนโลยีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน
อ้างอิง : LINK