ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย อาจมีบางคนที่ต้องการซ่อนการทำธุรกรรม Bitcoin ของคุณ รวมถึงอาจมีคนที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่อาจถูกแฮ็กจากเว็บเทรดที่มีการ KYC
ข่าวการถูกแฮ็กฐานข้อมูลลูกค้าของ Ledger ในเดือนกรกฎาคมปี 2020 ทำให้มีผู้ใช้งานได้รับผลกระทบทั้งอีเมลฟิชชิ่งข่มขู่จากอาชญากร ที่พยายามหลอกขโมยสกุลเงินดิจิทัลของผู้ใช้งานกระเป๋าของ Ledger
ดังนั้น การไม่เปิดเผยตัวตน ทำให้ Bitcoin ของคุณปลอดภัย และยังช่วยให้คุณมีความเป็นส่วนตัว “ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่เชื่อมั่นในความสามารถในการถือความมั่งคั่ง และการทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องถูกติดตาม” Ray Walsh ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวดิจิตอลที่ ProPrivacy กล่าว
และมีสองวิธีหลัก ๆ ในการหาซื้อ Bitcoin โดยไม่เปิดเผยตัวตน: นั่นคือการซื้อด้วยตนเองและการซื้อทางออนไลน์
การซื้อด้วยตนเอง
ในอดีต ตู้ ATM Bitcoin มีการควบคุมที่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จากการวิจัยของ Statista พบว่า ตู้ ATM Bitcoin จำนวนมากที่สุดอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายความว่าตู้ ATM Bitcoin ส่วนใหญ่ของโลกอยู่ภายใต้การควบคุมของเครือข่ายการบังคับใช้อาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐอเมริกา (FinCEN) ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่คุณจะไม่เปิดเผยตัวตนอย่างสมบูรณ์ด้วยวิธีนี้
แต่หากคุณต้องการซื้อ Bitcoin บนเครื่องเหล่านี้ด้วยการไม่เปิดเผยตัวตน คุณจะต้องค้นหาตู้ ATM Bitcoin ที่ไม่ได้ทำงานภายใต้ข้อบังคับเหล่านี้ แต่อย่างลือว่าตู้ ATM Bitcoin มีการจำกัดในการซื้อ ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อก้อนใหญ่ คุณอาจจะต้องพิจารณาตัวเลือกอื่น ๆ
วิธีที่สองคือ การใช้ตลาดแบบเพียร์ทูเพียร์บางแห่ง ที่จะนำผู้ขายกับผู้ซื้อมาพบปะกันโดยการกรองตามสถานที่ตั้ง , สกุลเงิน Fiat , และจำนวน Bitcoin ที่คุณต้องการ แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องใช้ระดับความไว้วางใจทั้งในส่วนของผู้ซื้อและผู้ขาย
นอกจากนี้ หากคุณโชคดีพอจะรู้จักนักขุด Bitcoin คุณสามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อ Bitcoin ที่ขุดขึ้นมาใหม่โดยที่ BTC เหล่านั้นยังไม่มีประวัติการทำธุรกรรมใด ๆ
การซื้อ Bitcoin โดยไม่เปิดเผยตัวตนทางออนไลน์
อุตสาหกรรม crypto นั้นอยู่บนอินเทอร์เน็ต ข่าวดีก็คือมีหลายวิธีในการลดการติดตามของ Bitcoin ของคุณ รวมถึงเว็บเทรดแบบเพียร์ทูเพียร์ , การใช้เบราว์เซอร์ที่รักษาความเป็นส่วนตัว
เว็บเทรดแบบเพียร์ทูเพียร์
Peer-to-peer exchanges จะจัดให้มีการซื้อขายระหว่างผู้ใช้โดยตรงโดยที่ตัวเว็บเทรดเองไม่มีเงินทุนใด ๆ เช่น LocalBitcoins ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมโยงกับผู้ซื้อและผู้ขายทีละราย รวมทั้งเลือกวิธีการชำระเงินที่คุณต้องการ
ด้วยการใช้การเว็บเทรดแบบเพียร์ทูเพียร์ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าไม่มีตัวกลางที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก ซึ่งจะถือข้อมูล KYC ของคุณ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในระดับที่สูงขึ้นผ่านการไม่เปิดเผยตัวตน คุณจะต้องมีเครื่องมือเพิ่มเติมบางอย่าง
ประการแรกให้ใช้งาน Tor หรือ The Onion Router โดย Tor จะทำให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณติดตามได้ยากโดยการส่งข้อมูลของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการเข้ารหัสอย่างเข้มงวด สิ่งนี้ทำให้ใครบางคนระบุตัวตนของคุณได้ยาก (แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นเป็นไปไม่ได้) สิ่งสำคัญคือต้องใช้ VPN (virtual private network) บน Tor ในกรณีที่เครื่องแรกและเครื่องสุดท้ายที่คุณเชื่อมต่อผ่าน Tor นั้นเป็นของบุคคลเดียวกัน
ถัดมาคือ Tails หรือ The Amnesic Incognito Live System ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับ Tor ได้ โดย Tails จะบังคับการเชื่อมต่อขาเข้าและขาออกของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของคุณผ่าน Tor เอง และบล็อกการเชื่อมต่อที่ไม่ระบุชื่อโดยอัตโนมัติ
และเมื่อคุณคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือที่ไม่เปิดเผยตัวตนเหล่านี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องคิดถึงการใช้ Tor เพื่อค้นหาบริการ Bitcoin Tumbling (หรือที่เรียกว่า mixing) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่ง Bitcoin ของคุณไปยังบริการ tumbling service เพื่อให้ส่งเหรียญคืนให้คุณตามที่อยู่อื่น ซึ่งจะปิดบังเส้นทางเหรียญของคุณ
สงครามของการไม่เปิดเผยตัวตน
ในช่วงปลายปี 2020 กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้เสนอกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัว ซึ่งล่าสุดเพิ่งถูกโจ ไบเด้น สั่งเบรคไปแล้ว
กฎดังกล่าวนี้จะกำหนดให้ธนาคารและธุรกิจที่ให้บริการทางการเงิน “ต้องส่งรายงานที่เก็บบันทึกและยืนยันตัวตนของลูกค้า” ที่ทำธุรกรรมกับกระเป๋าเงินส่วนตัวในสกุลเงินดิจิทัล เพื่อลดการไม่เปิดเผยตัวตนออกจากกระเป๋าเงินส่วนตัวที่ใช้งานกับเว็บเทรดคริปโต
อ้างอิง : LINK
