ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคา Bitcoin ( BTC ) พุ่งสูงถึง 20,000 ดอลลาร์ ขณะที่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ จะทราบดีว่ามีตัวบ่งชี้หลัก ๆ ที่ใช้ในการบอกสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้ม นั่นคือปริมาณโวลลุ่ม , ราคาพรีเมี่ยมของ futures และ position ของเทรดเดอร์ชั้นนำในเว็บเทรดที่สำคัญต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ทุกคนควรมีระบบของตัวเอง และบางคนก็จะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวที่ตรงกับเงื่อนไขขาลง 3 อย่างหรือมากกว่านั้น แต่มันก็ไม่มีกฎที่กำหนดไว้ตายตัวว่าเมื่อใดควรซื้อหรือขาย
สัญญา Futures ไม่ควรซื้อขายต่ำกว่า spot
เว็บไซต์บางแห่งมีตัวบ่งชี้การซื้อขายที่จะแสดงอัตราส่วน long-to-short ratio สำหรับสินทรัพย์ต่างๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงการเปรียบเทียบปริมาณโวลลุ่มของ bid และ offers
วิธีการที่ดีกว่าคือการตรวจสอบ perpetual futures (inverse swap) funding rate
open interest ของผู้ซื้อและผู้ขาย perpetual contracts จะตรงกันตลอดเวลาในสัญญา futures ใด ๆ และไม่มีทางที่จะเกิดความไม่สมดุลได้ เนื่องจากการซื้อขายทุกครั้งต้องมีผู้ซื้อ (long) และผู้ขาย (short)
Funding rates ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มี exchange risk imbalances เมื่อผู้ขาย (short) มีเลเวอเรจมากขึ้น funding rate ก็จะติดลบ ดังนั้นนักเทรดเหล่านั้นจะเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียม
การเปลี่ยนไปที่ช่วง negative อย่างกะทันหัน แสดงถึงความเต็มใจอย่างยิ่งที่จะเก็บ short positions ไว้ ตามหลักการแล้วนักลงทุนจะต้องตรวจสอบการเว็บเทรดสองสามรายการพร้อมกันเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดปกติในที่สุด
ขณะที่ funding rate อาจทำให้เกิดการบิดเบือนเนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ต้องการของนักเทรดรายย่อยและด้วยเหตุนี้จึงได้รับผลกระทบจากเลเวอเรจที่มากเกินไป เทรดเดอร์มืออาชีพมักจะถือครองสัญญาฟิวเจอร์สระยะยาวพร้อมกำหนดวันหมดอายุ
การวัดว่าราคาฟิวเจอร์สแพงกว่าเมื่อเทียบกับตลาดสปอตทั่วไป จะทำให้นักเทรดสามารถวัดระดับของกระทิงได้
สังเกตว่าฟิวเจอร์สที่ fix ระยะเวลาควรซื้อขายด้วยราคาพรีเมี่ยมประมาณ 0.5% หรือสูงกว่าเมื่อเทียบกับเว็บเทรดแบบสปอตทั่วไป เมื่อใดก็ตามที่ราคาพรีเมี่ยมนี้จางหายไป หรือกลายเป็นค่าลบ นั่นถือเป็นคือสัญญาณเตือนที่น่าตกใจ และสถานการณ์ดังกล่าวหรือที่เรียกว่า backwardation กำลังบ่งบอกถึงความเป็นขาลงอย่างมาก
การตรวจสอบโวลลุ่มอยู่เป็นประจำ
นอกจากการตรวจสอบสัญญา futures แล้ว เทรดเดอร์ที่ดีควรติดตามปริมาณโวลลุ่มในตลาด futuresด ด้วย การทำลายระดับแนวต้านที่สำคัญในปริมาณโวลลุ่มที่ต่ำเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยปกติแล้วปริมาณโวลลุ่มที่น้อยบ่งบอกถึงการขาดความมั่นใจ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงราคาที่สำคัญควรมาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่แข็งแกร่ง
แม้ว่าปริมาณโวลลุ่มล่าสุดจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่นักเทรดก็ยังคงสงสัยเกี่ยวกับการแกว่งตัวของราคาอย่างมีนัยสำคัญที่ต่ำกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในปริมาณโวลลุ่มรายวัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
จากข้อมูลในเดือนที่ผ่านมา ปริมาณโวลลุ่มดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดพื้นฐานที่น่าจับตามองเนื่องจากนักเทรดพยายามผลักดันราคา Bitcoin ให้ทะลุระดับ 20,000 ดอลลาร์
อัตราส่วน long-to-short ratio ของนักเทรดชั้นนำ
การตรวจสอบตัวชี้วัดที่สำคัญอีกประการหนึ่งของนักลงทุนคือ อัตราส่วน long-to-short ratio ของเทรดเดอร์ชั้นนำที่สามารถพบได้ในเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันที่ต่ำกว่า 1.00 long-to-short ratio จะเป็นสัญญาณที่น่าหนักใจ เช่นในตัวอย่างข้างบน แต่อัตราส่วนก็อาจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเว็บเทรดต่าง ๆ แต่ผลกระทบนี้สามารถทำให้เป็นกลางได้โดยหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบโดยตรง
OKEx แตกต่างจาก Binance ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่นักเทรดชั้นนำของ OKEx จะมีระดับต่ำกว่า 1.00 โดยที่ไม่จำเป็นว่ามันบ่งบอกถึงความ bearish โดยจากข้อมูล 30 วัน ตัวเลขที่ต่ำกว่า 0.75 ควรถือว่าน่าเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฎหรือวิธีการที่กำหนดไว้ในการทำนายการลดลงจำนวนมาก เนื่องจากนักเทรดบางรายต้องการให้ตัวบ่งชี้หลายตัวเปลี่ยนเป็นขาลงก่อนที่พวกเขาจะเข้า short position หรือปิด long position
ด้วยเหตุนี้การตรวจสอบ funding rate, spot volumes, และอัตราส่วน long-to-short ratio ของเทรดเดอร์ชั้นนำ จะให้มุมมองที่ชัดเจนของตลาดมากกว่าแค่การอ่านรูปแบบแท่งเทียน รวมถึง Relative Strength Index และ Moving Average Convergence Divergence
อ้างอิง : LINK