หลังจากได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตี 51% เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมนักพัฒนา Ethereum Classic เตรียมเปิดตัว Hard Fork ตัวใหม่ที่เรียกว่า Thanos มาใช้ในวันที่ 29 พฤศจิกายน
ไม่ถึงสองเดือนหลังจากการอัปเกรดเครือข่ายล่าสุด Ethereum Classic มีแผนจะดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยจะ Hard Fork ใหม่ซึ่งขนานนามว่า Thanos และจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะที่ยังคงความเข้ากันได้กับ Ethereum
Thanos เป็นการอัพเกรดเครือข่าย ETC ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทีมผู้พัฒนา Ethereum Classic Core และ Ethereum Classic Labs ตัดสินใจที่จะแก้ไขปัญหาโดยการใช้โซลูชัน Modified Exponential Subjective Scoring (MESS)
MESS เริ่มทำงานบน Mordor Testnet หลังจากผ่าน “การทดสอบ stress tests อย่างเข้มงวด และแบบจำลองการโจมตี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการโจมตีโดยการจัดโครงสร้างบล็อกใหม่ให้ใหญ่ขึ้นโดย “แพงกว่า 31 เท่า , ลบแรงจูงใจในการทำกำไรออกไป”
อย่างไรก็ตาม ETC Cooperative และ IOHK ผู้พัฒนา Cardano ได้เผยแพร่รายงานที่โต้แย้งว่า การอัปเดต MESS จะให้ “การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง” นอกจากนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า “ไม่มีการรับประกันว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะไม่ประสบความสำเร็จ”
รายงานระบุว่า การอัพเกรด Thanos เป็น “ก้าวสำคัญของ ETC เนื่องจากเครือข่ายยังคงขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จะสนับสนุนนักขุดที่มีอยู่ และดึงดูดสิ่งใหม่ ๆ ในขณะที่ยังคงรักษาความเข้ากันได้กับ Ethereum”
ตามประกาศ การเปิดใช้งาน Mordor Testnet เกิดขึ้นในบล็อก 2,520,000 – ในวันที่ 18 ตุลาคม 2020 และคาดว่าการเปิดใช้งาน ETC Mainnet จะเกิดขึ้นที่บล็อก 11,700,000 – ประมาณวันที่ 29 พฤศจิกายน 2020
ผู้ใช้จำเป็นต้องอัปเกรดซอฟต์แวร์โหนดของตนเป็นเวอร์ชันที่เข้ากันได้กับการ fork โดยเป็น Core-geth v1.11.16 หรือใหม่กว่า เพื่อให้แน่ใจว่า hard fork จะประสบความสำเร็จ
James Wo ผู้ก่อตั้งและประธานของ Ethereum Classic Labs เชื่อว่าการอัปเกรดเครือข่าย Thanos จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะที่ช่วย ETC ในการ “จำแนกตัวเองและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานสำหรับผู้ใช้”
“ Hard Fork Thanos เป็นขั้นตอนต่อไปตามธรรมชาติสำหรับเครือข่าย ด้วยการลดขนาด DAG size เพื่อช่วยระบบนิเวศการขุดที่กระจายและมีความแข็งแรง , เพิ่ม hash rate และช่วยให้นักขุดสามารถขุด ETC ต่อไป และสำหรับคนักขุดหน้าใหม่ที่จะเข้าร่วมระบบนิเวศ” – Wo เพิ่ม
อ้างอิง : LINK
