ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเก็บรักษา Bitcoin ของคุณให้ปลอดภัย

เนื่องจาก cryptocurrency อยู่ท่ามกลางภาวะกระทิงที่สำคัญโดย Bitcoin ( BTC ) ที่กำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล ทำให้ความกังวลด้านความปลอดภัยของการจัดเก็บข้อมูลด้วยตนเองของสกุลเงินดิจิทัลมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นกว่าเดิม

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน Bitcoin – cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมูลค่าตลาด – มีราคาทะลุ $16,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 และชุมชน crypto ก็คาดว่าจะมีการทำลายสถิติเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าความปลอดภัยของการถือครอง crypto นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้เป็นอย่างมาก

ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนง่าย ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสกุลเงินดิจิทัลของคุณเช่น Bitcoin ปลอดภัยในตลาดกระทิงตอนนี้

1. ใช้ paper wallet หรือ hardware wallet

เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้ว Bitcoin อนุญาตในการ “เป็นธนาคารของคุณเอง” ความรับผิดชอบในการจัดเก็บ crypto ส่วนใหญ่จึงอยู่ที่ผู้ใช้  ด้วยวลียอดฮิตที่ว่า “Not your keys, not your Bitcoin” หมายความว่า ใครก็ตามที่ถือ key phrase ในกระเป๋าสตางค์ ก็คือคนที่ควบคุมเหรียญที่อยู่ในนั้น

กระเป๋าสตางค์มีหลายรูปแบบ: ทั้ง software, hardware, และ paper และแต่ละแบบก็มีข้อพิจารณาด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกัน

กระเป๋าสตางค์ซอฟต์แวร์ จะขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง crypto ได้โดยการติดตั้งแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ ด้วยเหตุนี้กระเป๋าซอฟต์แวร์จึงมีหลายประเภทเช่นกระเป๋าแบบเว็บเดสก์ท็อป และบนมือถือ

แม้ว่ากระเป๋าสตางค์ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่มักจะฟรีและใช้งานง่าย แต่ก็ไม่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือการละเมิดความปลอดภัย ดังนั้นผู้ใช้ควรอัปเดตแอปอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงจากการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น

ขณะที่กระเป๋าแบบ paper crypto wallet โดยพื้นฐานแล้วเป็นกระดาษที่มีที่อยู่ crypto ที่พิมพ์ออกมาและ private key ในรูปแบบของ QR codes  ที่สร้างขึ้นผ่านเว็บไซต์ paper wallet  ข้อดีของ paper wallet คือการทนทานต่อการแฮ็กข้อมูลทางออนไลน์สูง และมักถือเป็นตัวเลือกสำหรับการใช้เป็น cold storage

และสุดท้าย hardware wallet เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีความซับซ้อนในการจัดเก็บ crypto โดยการแยก private keys ของผู้ใช้ออกจากอินเทอร์เน็ตโดยการทำให้พวกมันออฟไลน์ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน USB หรือเรียกอีกอย่างว่า cold storage หรือ cold wallet โดย hardware wallet มักเกี่ยวข้องกับระดับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก private keys ยังคงออฟไลน์โดยสมบูรณ์ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีระบบคุ้มกันต่อการแฮ็กจากระยะไกลทุกประเภท  ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักและใช้กันมากที่สุดคือ Trezor และ Ledger

2. ตรวจสอบว่าการยืนยัน 2FA ของคุณเปิดอยู่หรือไม่

อย่าเพิกเฉยต่อความปลอดภัยเพิ่มเติมที่สำคัญ อย่างการลืมเปิด two-factor authentication หรือ 2FA ในการตั้งค่าความปลอดภัยของบัญชีกระเป๋าเงินของคุณ เนื่องจาก 2FA จะส่งคำขอรหัสผ่านเพิ่มเติมไปยังโทรศัพท์หรืออีเมลของคุณทุกครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้กระเป๋าเงินของคุณ ด้วยการเปิดใช้งาน 2FA มันจะช่วยป้องกันไม่ให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงบัญชี crypto wallet ได้ทันที เนื่องจากแฮ็กเกอร์จะต้องเข้าถึงโทรศัพท์หรืออีเมลของผู้ใช้ด้วย

Google Authenticator เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชัน 2FA ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งให้บริการ two-step verification แก่ผู้ใช้บนโทรศัพท์ ทั้ง andriod และ IOS

3. อย่าแชร์  private keys ของคุณ

อย่าให้  private keys หรือ seed phrase แก่ใคร  และโปรดจำไว้ว่า บริษัท crypto ที่มีชื่อเสียงจะไม่ขอ keys จากคุณแม้ว่าจะพยายามช่วยคุณแก้ไขปัญหาใด ๆ ก็ตาม

4. ตรวจสอบว่ากระเป๋าเงินของผู้รับถูกต้อง

ตรวจสอบที่อยู่ของผู้รับทุกครั้งก่อนทำธุรกรรม เพราะความผิดพลาดเพียงตัวอักษรเดียวก็อาจทำให้ธุรกรรมของคุณถูกส่งไปยังกระเป๋าเงินอื่นได้ และเนื่องจากมันตรงกันข้ามกับบริการทางการเงินแบบเดิม ๆ ธุรกรรม crypto ส่วนใหญ่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และมีมัลแวร์บางตัวที่สามารถเปลี่ยนเลขกระเป๋าปลายทางที่ถูกต้องของ Crypto ของคุณได้ ดังนั้นการตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมอีกครั้งจึงเป็นสิ่งจำเป็น

5. อย่าตกหลุมพราง giveaway scams

ข้อเสนอที่ฟังดูเหมือนการบอกให้คุณ “ส่ง Bitcoin มาให้เรา และรับ Bitcoin กลับคืนไปเป็นสองเท่า” เป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น ซึ่งพบได้บ่อยทั้งใน Twitter และที่อื่น ๆ โดยผู้โจมตีมักแอบอ้างเป็นคนดัง , นักการเมืองหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการ Crypto ที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถมอบเงินดิจิทัลของผู้ใช้กลับไปได้เป็นสองเท่า

เนื่องจากการโจมตีประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในวงการ crypto เช่น ในเดือนกรกฎาคม 2020 แฮ็กเกอร์สามารถหลอกเอา BTC ไปได้อย่างน้อย 12 BTC ในการแฮ็กบัญชี Twitter เช่น Elon Musk และ Joe Biden ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2020

6. ใช้ธุรกรรมขนาดเล็กและเว็บเทรดที่แตกต่างกัน

อย่าส่ง crypto จำนวนมากในธุรกรรมเดียว เมื่อคุณต้องการซื้อหรือขาย crypto ในเว็บเทรด โดยหากคุณต้องการทำธุรกรรมด้วยเงินจำนวนมากในสกุลเงินดิจิทัล ควรแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ธุรกรรม หลาย ๆ รายการเพื่อให้แน่ใจว่าเว็บเทรดทำงานอย่างถูกต้อง

แม้ว่าชั้นของความปลอดภัยและการตรวจสอบซ้ำ ๆ ทั้งหมดเหล่านี้อาจดูน่าเบื่อ แต่ก็เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เงินของคุณปลอดภัยขึ้น

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป