การเลือกตั้งผ่าน Blockchain เป็นทางเลือกสำหรับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่เชื่อถือได้

การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คน ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และเศรษฐกิจทั้งโลกและแน่นอนว่ามันมีผลกระทบอย่างมากต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา การเลือกตั้งผ่าน Blockchain จึงอาจเป็นทางเลือก

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมากเลือกออกเสียงลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งเพิ่มเวลาการนับคะแนนของผู้สมัคร

ระบบการลงคะแนนปัจจุบันในยุคดิจิทัล

ปัจจุบันมีหลายคนที่เสนอให้ใช้การลงคะแนนผ่าน “มือถือ” เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในยุคปัจจุบัน และทำให้ผู้คนสามารถลงคะแนนได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน

เราสามารถซื้อของทางออนไลน์ได้ , ทำงานอย่างมืออาชีพจากระยะไกลได้ 100% แต่การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง ยังคงต้องทำด้วยตนเองและในสถานที่เฉพาะ ซึ่งมันดูไม่ขัดต่อยุคดิจิทัลที่ข้อมูลและเทคโนโลยีทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการสื่อสาร การถ่ายโอนข้อมูลและการทำธุรกรรมทางธุรกิจหรือ?

เราจะทำให้การลงคะแนนจากระยะไกลเป็นไปได้อย่างไรโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง การเพิ่มโซลูชัน Blockchain ในกระบวนการลงคะแนนผ่านมือถือก็สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับระบบการเลือกตั้ง และนำสันติสุขมาสู่กระบวนการเลือกตั้งอีกครั้ง

cryptography ช่วยให้สามารถปกป้องตัวตนของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และการตรวจสอบการลงคะแนนทั้งหมดที่ป้อนลงในแพลตฟอร์มบล็อกเชน ช่วยให้เกิดการลงคะแนนที่ปลอดภัยและโปร่งใส ด้วยการตรวจสอบการลงคะแนนเลือกตั้งได้

ลองนึกภาพดูว่าจะดีแค่ไหน หากเราสามารถตรวจสอบได้ว่าคะแนนของเราถูกนับสำหรับผู้สมัครที่เราเลือกโดยรับประกันความลับในการลงคะแนน? ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน

โครงการนำร่องที่ใช้บล็อกเชน

ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกาได้ทดสอบการลงคะแนนผ่าน blockchain บนแอปพลิเคชันบนมือถือ สำหรับการเลือกตั้งระดับรัฐ รัฐบาลกลาง และระดับเทศบาล โดยหลัก ๆ แล้วเพื่อเปิดใช้งานการลงคะแนนระยะไกลโดยทหารและพลเรือนในต่างประเทศผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แทนที่จะใช้วิธีการส่งจดหมาย แฟกซ์ และกระดาษแบบเดิม ๆ

ตัวอย่างเช่น เวสต์เวอร์จิเนียที่เปิดใช้งานการลงคะแนนผ่านมือถือบนบล็อคเชน สำหรับการเลือกตั้งระดับรัฐ และรัฐบาลกลางในปี 2018 Denver, Colorado   Utah County  Utah; และอีกสองในรัฐ Oregon ก็ยังได้ทดสอบโครงการนำร่องสำหรับการเลือกตั้งระดับเทศบาลในปี 2019 โดยรวมแล้วมี 29 แห่งใน 5 รัฐที่ได้ทดสอบแอปลงคะแนนบนมือถือของ Voatz ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม มีรายงานที่ชี้ไปที่ blockchain และการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ตว่าอาจเป็นเป้าหมายสำหรับการโจมตีทางออนไลน์ โดยกล่าวว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ตรวมทั้งทางอีเมล แฟกซ์ และระบบบล็อกเชนทำให้พวกเขามีช่องโหว่

แต่แม้จะมีข้อดีและข้อเสีย แต่มันจะมีแนวทางในการแก้ไขที่สามารถปกป้องประชาชนจากการฉ้อโกงการเลือกตั้งได้หรือไม่? การยืนยันตัวตนจะใช้ในกระบวนการอย่างไร? โครงการและแนวทางแก้ไขใดที่เราคิดได้ในการนำไปใช้เพื่อการยืนยันตัวตนในกระบวนการลงคะแนนและจะทำงานอย่างไร

ตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชัน Voatz จะมองหาช่องโหว่ตั้งแต่เริ่มต้น หากแอปพบว่าสมาร์ทโฟนถูกบุกรุก แอปจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงคะแนนได้  และหากการตรวจสอบของแอปพลิเคชันผ่าน security tests และเครื่องมือของบุคคลที่สามที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะได้รับการรับรองความถูกต้องบนโทรศัพท์มือถือด้วยลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า

จากนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะแสดงบัตรประจำตัวของรัฐบาล โดยปกติจะเป็นใบขับขี่หรือหนังสือเดินทางและถ่ายภาพตัวเองเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ และในที่สุดผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็แค่แตะที่เครื่องอ่านลายนิ้วมือของโทรศัพท์มือถือเพื่อตรวจสอบว่าสมาร์ทโฟนอยู่ในมือของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจริง ในขั้นตอนนี้แอปพลิเคชัน Voatz จะรวมภาพเซลฟี่ที่ถ่ายโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้ากับภาพของเอกสารประจำตัว และหลังจากตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนทั้งหมดที่ให้ไว้อีกครั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะสามารถลงคะแนนได้

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในการลงคะแนนผ่าน blockchain

การลงคะแนนเสียงผ่านมือถือ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมองหาวิธีการสำรองข้อมูลสำหรับความล้มเหลวของโครงสร้างพื้นฐานที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดการโจมตี DDoS ในระบบการลงคะแนน

ในกรณีของ Voatz จะแจกจ่ายบันทึกการลงคะแนนเพื่อให้การโจมตีจากระยะไกลทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังมี cryptographic audit ของแต่ละธุรกรรม

ดังนั้น ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหลัก ๆ ในการลงคะแนนผ่านบล็อคเชนจะอยู่ในส่วน interface กับพื้นที่ในการเลือกตั้ง ซึ่งบัตรเลือกตั้งจะพิมพ์ด้วย hash หรือ encrypted key ไว้ด้านบน หลังจากจัดเก็บแล้วในที่สุดก็จะถูกแปลงเป็นดิจิทัลในระบบการเลือกตั้งและระบบอ่านบัตรเลือกตั้งแบบซอฟต์แวร์ ซึ่งในขั้นตอนนี้อยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับ Voatz

นอกเหนือจากปัญหาด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกตั้งคำถามคือ: voting book จะได้รับการดำเนินการอย่างไรและบัตรลงคะแนนจะได้รับการยืนยันในโซลูชันบล็อกเชนอย่างไร

ยกตัวอย่างแอป Voatz อีกครั้ง ซึ่งจะใช้โครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน 32 โหนดบน Amazon Web Services และ Microsoft Azure โดยโฮสต์ 16 โหนดในสหรัฐอเมริกา  และ Cloudflare ที่เป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งที่ให้บริการป้องกัน DDoS และ Voatz ได้กล่าวว่าระบบใช้ encryption แบบ end-to-end และ multi-factor authentication สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของโหนด

ประเด็นที่สำคัญ

จากสิ่งที่เราได้เห็นมาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะจินตนาการว่าในอนาคตอันใกล้นี้หลายประเทศจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นวิธีการลงคะแนนที่เหมาะสำหรับสังคมที่เปลี่ยนเป็นดิจิทัลเร็วขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทคโนโลยีจะนำความชอบธรรมมาสู่กระบวนการเลือกตั้งและเพิ่มประสิทธิผลต่อระบบการลงคะแนน แต่เราจะสามารถเอาชนะอุปสรรคทางวัฒนธรรมและการไม่รู้ยอมรับระบบดิจิทัลที่ยังคงมีอยู่ในโลกปัจจุบันได้หรือไม่

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป