“ทรัมป์ VS ไบเดน” กับอนาคตของ Bitcoin : หาก “ทรัมป์” ชนะ จะเป็นอย่างไร ?

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ได้เคยใช้ Twitter เพื่อบอกถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง – และใช! รวมถึง Bitcoin ด้วย

เป็นเรื่องจริงที่การพัฒนาของเขาในสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำนั้นเชื่องช้าอย่างมากสำหรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากเรื่องอื่น ๆ มากมายในช่วง 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ถึงกระนั้น การทวีตของทรัมป์ว่า “ผมไม่ใช่แฟน Bitcoin” ในเดือนกรกฎาคม 2019 อาจถูกมองว่าเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ที่สำคัญของสหรัฐฯ และการตรวจสอบทรัพย์สิน crypto

https://twitter.com/realDonaldTrump/status/1149472282584072192?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1149472282584072192%7Ctwgr%5Eshare_3%2Ccontainerclick_1&ref_url=https%3A%2F%2Fdecrypt.co%2F45811%2Fwhat-a-second-trump-term-would-mean-for-bitcoin

ในขณะที่ทรัมป์เองอาจมีความเกลียดชังส่วนตัวต่อ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ แต่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ก็ มีท่าทีในทางปฏิบัติอย่างกว้างขวางต่อทรัพย์สิน crypto

“เรามีสกุลเงินจริงเพียงสกุลเดียวในสหรัฐอเมริกา”

ทวีตของทรัมป์นั้นดูเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Libra stablecoin ของ Facebook “ผมไม่ใช่แฟนของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่เงินและมีมูลค่าที่ผันผวนสูง  ทรัพย์สิน crypto ไม่ได้รับการควบคุม และเอื้อต่อพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายา และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ” คำกล่าวของทรัมป์ในทวีต

อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงที่ว่าในช่วงการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ เราได้เห็นการให้ความสำคัญกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบของ IRS ที่เพิ่มขึ้นต่อผู้เสียภาษี ,  การดำเนินการของ SEC ในการปราบปรามการเสนอขาย ICO ที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ อุตสาหกรรม cryptocurrency ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาของทรัมป์โดยจาก market cap ที่มีเพียงกว่า $17 พันล้านเมื่อเขาเข้ามาในปี 2017 ก็เติบโตสูงขึ้นจนถึงเกือบ $359 พันล้านในวันนี้ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap รวมไปถึง Crypto ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งในส่วนที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่หน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานของรัฐจะต้องเข้ามาพิจารณาในบางจุด

เราพบว่า ทรัมป์มีการติดตามการใช้เทคโนโลยีและผลกระทบของมันแทนที่จะทำลาย Bitcoin หรือ cryptocurrency อย่างชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง โดยเคยมีรายงานว่า ทรัมป์บอกกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นาย Steven Mnuchin ให้ “ไปติดตาม Bitcoin” ในเดือนพฤษภาคม 2018

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคำแนะนำที่ชัดเจนมากขึ้นจากตัวแทนของรัฐบาลเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้กับสกุลเงินดิจิทัล โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา United States Treasury Inspector General for Tax Administration ได้ออกรายงานที่ชี้ให้เห็นว่ากรมสรรพากรไม่ได้ทำงานอย่างดีพอที่จะดูแลเว็บเทรด Crypto

ในสัปดาห์เดียวกัน William Barr อัยการสูงสุดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้ออก “กรอบการบังคับใช้ Cryptocurrency” 83 หน้า สำหรับหน่วยงานภายใต้การบังคับบัญชาของเขา “ทุกวันนี้เทคโนโลยีบางอย่างมีแนวโน้มที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและเข้ามาแทนที่ และอาจเสี่ยงต่อการละเมิดได้มากกว่าสกุลเงินดิจิทัล” รายงานกล่าว  “อันที่จริง แม้จะมีอยู่ในช่วงสั้น ๆ แต่เทคโนโลยี cryptocurrency ก็มีบทบาทในการคุกคามทางอาญาและความมั่นคงของประเทศที่สำคัญที่สุดที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่”

อย่างไรก็ตามมีสาวก crypto บางคนที่ทำงานในหน่วยงานของทรัมป์ ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Hester Peirce จาก ก.ล.ต.สหรัฐ โดยเธอยอมรับเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าเธอยังคงพยายามดึงเพื่อนร่วมงานของเธอเข้ามาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Crypto รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของ SEC ที่มีต่อบริษัท crypto และได้เสนอแผน  “safe harbor” เพื่อช่วยให้ บริษัทต่างๆหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับ SEC

Chandan Lodha ผู้ร่วมก่อตั้ง CoinTracker กล่าวว่านโยบายภาษีที่เสนอของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ Crypto “แผนภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นคลุมเครือ [มากกว่า Biden] อย่างไรก็ดีเขาได้พูดถึงแนวคิดในการลดอัตราภาษี capital gains จาก 20% เป็น 15% ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายสำหรับผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาวทั้งหมด”

แน่นอนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของการระบาดของ COVID-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นไม่สามารถมองข้ามได้ ทางด้าน Artem Bespaloff ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของตลาดฮาร์ดแวร์เครื่องขุด Asic Jungle ชี้ให้เห็นว่า มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม สามารถเพิ่มอัตราเงินเฟ้อของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ในที่สุด และก็จะผลักดันให้ความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้น

“ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารของ ทรัมป์ หรือ ไบเดน เราก็จะได้เห็นความต่อเนื่องของการพิมพ์เงินและอัตราเงินเฟ้อ”

 FED นั้นมีการส่งสัญญาณว่าต้องการเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อให้เกิน 2% เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ โดยทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างแสดงความตั้งใจที่จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงราคา Bitcoin ในเชิงบวก ไม่ว่าก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง

ทางด้าน Aguinaco ของ Shyft Network กล่าวว่า มูลค่าของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นต่อไปหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง

“ทรัมป์มีความสามารถอย่างมากในการสร้างกำแพงแบ่งระหว่างสหรัฐฯและส่วนอื่น ๆ ของโลก และระหว่างผู้ติดตามของเขากับคนอื่น ๆ ในสหรัฐฯ รวมถึงความแตกแยกพร้อมกับการระบาดที่มีการจัดการที่ไม่ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นลางดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ” เขากล่าว 

“ปัจจัยเหล่านี้อาจผลักดันผู้ใช้รายใหม่ให้เข้าสู่ BTC เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือหมายถึงการลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวในตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายปกครองและการขึ้นหรือลงของตลาดและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็ไม่ควรนำมาเป็นตัวบ่งชี้การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น”

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป