โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา ได้เคยใช้ Twitter เพื่อบอกถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง – และใช! รวมถึง Bitcoin ด้วย
เป็นเรื่องจริงที่การพัฒนาของเขาในสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำนั้นเชื่องช้าอย่างมากสำหรับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากเรื่องอื่น ๆ มากมายในช่วง 4 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ถึงกระนั้น การทวีตของทรัมป์ว่า “ผมไม่ใช่แฟน Bitcoin” ในเดือนกรกฎาคม 2019 อาจถูกมองว่าเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ที่สำคัญของสหรัฐฯ และการตรวจสอบทรัพย์สิน crypto
ในขณะที่ทรัมป์เองอาจมีความเกลียดชังส่วนตัวต่อ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ แต่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ก็ มีท่าทีในทางปฏิบัติอย่างกว้างขวางต่อทรัพย์สิน crypto
“เรามีสกุลเงินจริงเพียงสกุลเดียวในสหรัฐอเมริกา”
ทวีตของทรัมป์นั้นดูเหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Libra stablecoin ของ Facebook “ผมไม่ใช่แฟนของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่เงินและมีมูลค่าที่ผันผวนสูง ทรัพย์สิน crypto ไม่ได้รับการควบคุม และเอื้อต่อพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายา และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ” คำกล่าวของทรัมป์ในทวีต
อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงที่ว่าในช่วงการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ เราได้เห็นการให้ความสำคัญกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบของ IRS ที่เพิ่มขึ้นต่อผู้เสียภาษี , การดำเนินการของ SEC ในการปราบปรามการเสนอขาย ICO ที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ อุตสาหกรรม cryptocurrency ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาของทรัมป์โดยจาก market cap ที่มีเพียงกว่า $17 พันล้านเมื่อเขาเข้ามาในปี 2017 ก็เติบโตสูงขึ้นจนถึงเกือบ $359 พันล้านในวันนี้ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap รวมไปถึง Crypto ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งในส่วนที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่หน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานของรัฐจะต้องเข้ามาพิจารณาในบางจุด
เราพบว่า ทรัมป์มีการติดตามการใช้เทคโนโลยีและผลกระทบของมันแทนที่จะทำลาย Bitcoin หรือ cryptocurrency อย่างชัดแจ้งในทางใดทางหนึ่ง โดยเคยมีรายงานว่า ทรัมป์บอกกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นาย Steven Mnuchin ให้ “ไปติดตาม Bitcoin” ในเดือนพฤษภาคม 2018
ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคำแนะนำที่ชัดเจนมากขึ้นจากตัวแทนของรัฐบาลเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้กับสกุลเงินดิจิทัล โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา United States Treasury Inspector General for Tax Administration ได้ออกรายงานที่ชี้ให้เห็นว่ากรมสรรพากรไม่ได้ทำงานอย่างดีพอที่จะดูแลเว็บเทรด Crypto
ในสัปดาห์เดียวกัน William Barr อัยการสูงสุดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้ออก “กรอบการบังคับใช้ Cryptocurrency” 83 หน้า สำหรับหน่วยงานภายใต้การบังคับบัญชาของเขา “ทุกวันนี้เทคโนโลยีบางอย่างมีแนวโน้มที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงและเข้ามาแทนที่ และอาจเสี่ยงต่อการละเมิดได้มากกว่าสกุลเงินดิจิทัล” รายงานกล่าว “อันที่จริง แม้จะมีอยู่ในช่วงสั้น ๆ แต่เทคโนโลยี cryptocurrency ก็มีบทบาทในการคุกคามทางอาญาและความมั่นคงของประเทศที่สำคัญที่สุดที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่”
อย่างไรก็ตามมีสาวก crypto บางคนที่ทำงานในหน่วยงานของทรัมป์ ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Hester Peirce จาก ก.ล.ต.สหรัฐ โดยเธอยอมรับเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าเธอยังคงพยายามดึงเพื่อนร่วมงานของเธอเข้ามาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Crypto รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของ SEC ที่มีต่อบริษัท crypto และได้เสนอแผน “safe harbor” เพื่อช่วยให้ บริษัทต่างๆหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับ SEC
Some thoughts on the latest ICO settlement. It really is time for us to provide some guidance on this issue so that we can move on and think about other issues that are going to be even more challenging to sort through: https://t.co/F4JyMvE8YQ
— Hester Peirce (@HesterPeirce) September 15, 2020
Chandan Lodha ผู้ร่วมก่อตั้ง CoinTracker กล่าวว่านโยบายภาษีที่เสนอของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ Crypto “แผนภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นคลุมเครือ [มากกว่า Biden] อย่างไรก็ดีเขาได้พูดถึงแนวคิดในการลดอัตราภาษี capital gains จาก 20% เป็น 15% ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายสำหรับผู้ถือสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาวทั้งหมด”
แน่นอนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของการระบาดของ COVID-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้นไม่สามารถมองข้ามได้ ทางด้าน Artem Bespaloff ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของตลาดฮาร์ดแวร์เครื่องขุด Asic Jungle ชี้ให้เห็นว่า มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม สามารถเพิ่มอัตราเงินเฟ้อของเงินดอลลาร์สหรัฐได้ในที่สุด และก็จะผลักดันให้ความต้องการ Bitcoin เพิ่มขึ้น
“ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารของ ทรัมป์ หรือ ไบเดน เราก็จะได้เห็นความต่อเนื่องของการพิมพ์เงินและอัตราเงินเฟ้อ”
FED นั้นมีการส่งสัญญาณว่าต้องการเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อให้เกิน 2% เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ โดยทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างแสดงความตั้งใจที่จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลัง ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงราคา Bitcoin ในเชิงบวก ไม่ว่าก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง
ทางด้าน Aguinaco ของ Shyft Network กล่าวว่า มูลค่าของ Bitcoin อาจเพิ่มขึ้นต่อไปหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง
“ทรัมป์มีความสามารถอย่างมากในการสร้างกำแพงแบ่งระหว่างสหรัฐฯและส่วนอื่น ๆ ของโลก และระหว่างผู้ติดตามของเขากับคนอื่น ๆ ในสหรัฐฯ รวมถึงความแตกแยกพร้อมกับการระบาดที่มีการจัดการที่ไม่ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นลางดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ” เขากล่าว
“ปัจจัยเหล่านี้อาจผลักดันผู้ใช้รายใหม่ให้เข้าสู่ BTC เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือหมายถึงการลดความเสี่ยงจากการแกว่งตัวในตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายปกครองและการขึ้นหรือลงของตลาดและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ก็ไม่ควรนำมาเป็นตัวบ่งชี้การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น”
อ้างอิง : LINK