กระทรวงสาธารณสุข ขอเวลา 1 สัปดาห์ ช่วยกู้ระบบรพ.สระบุรี หลังถูกไวรัสเรียกค่าไถ่ Bitcoin (Ransomware) เล่นงาน

หลังจากเกิดกรณีที่ Facebook ของรพ.สระบุรี โพสต์ข้อความระบุว่าระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลขัดข้อง ทำให้ไม่สามารถใช้งานในระบบต่างๆของโรงพยาบาลได้ ซึ่งโรงพยาบาลกำลังดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ล่าสุด ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 พร้อมด้วย นพ.อนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมชี้แจงกรณีโรงพยาบาลสระบุรีถูกโจมตีด้วยไวรัสเรียกค่าไถ่ ฺBitcoin (Ransomware) ในหลายระบบ รวมถึงฐานข้อมูลระบบบริการผู้ป่วย ทำให้ไม่สามารถสืบค้นข้อมูลประวัติเก่าหรือให้บริการออนไลน์ได้

นพ.สุระ กล่าวต่อว่า ผู้บริหารกระทรวงได้สั่งการให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนอุปกรณ์เบื้องต้น เช่น เซิร์ฟเวอร์ ซอฟแวร์ที่จำเป็น เพื่อให้โรงพยาบาลสระบุรีได้สร้างระบบสำหรับให้บริการประชาชนโดยเร็ว ร่วมกับการใช้ระบบเก่า( manual) ให้บริการผู้ป่วยตามปกติ โดยไวรัสที่โจมตีระบบเป็นการเข้ารหัสล็อกไว้ทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถเข้าไปใช้ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ได้

อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพจะไม่ถูกดึงออกไปจากระบบสู่ภายนอก แต่อาจเกิดความล่าช้าในการรับบริการ เนื่องจากไม่สามารถเปิดระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ภายในโรงพยาบาล เพราะอาจทำให้ไวรัสระบาดไปสู่ฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่ยังไม่ถูกโจมตีได้ และขณะนี้ได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และมอบให้ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เร่งให้ความรู้ วิธีการ และการป้องกันให้กับหน่วยงานและโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง

ทางด้านนพ.อนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศฯ กล่าวว่า การแก้ไขของรพ.สระบุรี มี 2 แนวทาง ได้แก่ 1.การกู้คืนระบบด้วยการต้องติดต่อเจ้าของไวรัส แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้ว่าเมื่อติดต่อไปแล้วจะได้รับการคืนข้อมูล และ2.การสร้างระบบข้อมูลใหม่ โดยใช้ข้อมูลที่มีการสำรองไว้ที่ส่วนกลาง แต่ไม่ได้มีการสำรองข้อมูลไว้ทั้งหมด จะมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนโดยอาจจะอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งรพ.สระบุรีจะใช้แนวทางนี้ในการกู้คืนระบบ ทั้งนี้ ข้อมูลที่ถูกไวรัสโจมตีและปิดล็อคไว้นั้นเป็นข้อมูลของผู้ป่วยขนาดใหญ่ การดำเนินการจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

นพ.อนันต์ กล่าวอีกว่า ได้ประสานไปยังศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต : ThaiCERT) ทันทีที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสระบุรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 และได้สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับจัดทำระบบข้อมูล แนะนำให้เพิ่มการบริหารจัดการภายใน สร้างความตระหนักแก่ผู้ใช้งานในการป้องกันไวรัส โดยเฉพาะช่องโหว่ที่ทำให้ระบบถูกโจมตีจากภายใน ได้แก่ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวมาเชื่อมกับระบบของโรงพยาบาล การใช้แฮนดีไดรฟ์ อีเมล์ หรือการหาลิงก์จากภายนอกมาใช้ ส่วนการการโจมตีจากภายนอก โรงพยาบาลทุกแห่งมีระบบ Fire Wall ป้องกันอยู่แล้ว

สำหรับการดำเนินการกับผู้โจมตีนั้นได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุข จะจัดตั้งการดูแลเฉพาะในส่วนของด้านสุขภาพ หรือ เฮลธ์เซิร์ต เพิ่มจากไทยเซิร์ต และขณะนี้ได้ออกแบบระบบระบบฐานข้อมูลกลางด้านสุขภาพ มีข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ เช่น โรคประจำตัว การแพ้ยา ยาประจำที่ใช้ การรับวัคซีน เป็นต้น โรงพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ รวมถึง การส่งให้ผู้ป่วยเก็บประวัติการรักษาของตัวเองไว้ส่วนตัวด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการของบประมาณเบื้องต้น 2 พันล้านบาท

“แม้ทุกรพ.จะมีบบ Fire Wall ป้องกันการโจมตีจากภายนอก แต่การการโจมตีของไวรัสอาจจะเกิดขึ้นจากภายใน ด้วยการโจมตีผ่านอีเมล์ของบุคลากร หรือการใช้อุปกรณ์แฮนดี้ไดรฟ์แบบใช้สลับกับคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ก่อนหน้านี้มีรพ.สังกัดสธ.โดนโจมตีด้วยไวรัสเสมอแต่เป็นฐานข้อมูลพื้นฐานทั่วไป โดยสามารถกู้คืนได้โดยระบบของรพ.เอง” นพ.อนันต์กล่าว

อ้างอิง : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป