ประเทศจีนเป็นผู้นำการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ในตอนนี้ เนื่องจาก “หยวนดิจิตอล” กำลังได้รับการทดสอบแล้วในบางพื้นที่ในประเทศจีนในขณะที่ประเทศตะวันตกเพิ่งเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับ CBDC เท่านั้น
ธนาคารกลาง 6 แห่ง เช่น ECB, ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ, ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มทดสอบ CBDC แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ระบุเมื่อไหร่ กลับกันด้านสหรัฐอเมริกายังไม่ได้เริ่มพูดถึงมันอย่างเป็นทางการ โดยเมื่อเดือนที่แล้วประธานธนาคารกลาง Jerome Powell ก็ไม่ได้เปิดเผยความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับเงินดอลลาร์ดิจิทัล
ดังนั้นดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่จะมาหยุดการพัฒนา “หยวนดิจิตอล” ของจีนลงได้
อย่างไรก็ตาม Takaya Nakamura ผู้บริหารระดับสูงจากเว็บเทรด Crypto ของญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่าเงินหยวนดิจิทัลจะไม่ชนะเพราะ “ความฝันของจีน” (China Dream)
“ความฝันของจีน” (China Dream) เป็นสโลแกนทางการเมืองที่ประธานาธิบดี Xi Jinping เปิดเผยในปี 2012 โดยเป็นสโลแกนชาตินิยมที่มีจุดประสงค์เพื่อให้บรรลุความฝันของจีนในการฟื้นฟูครั้งใหญ่ของประเทศ โดยเด็กๆชาวจีนจะมีอนาคตที่ดี พวกเขาจะได้พบกับ “สังคมที่พออยู่พอกินอย่างทั่วถึง” ประเทศมีความทันสมัย และระบอบสังคมนิยมที่เข้มแข็ง และเมื่อครบ 100 ปีแห่งการสถาปนาจีนใหม่ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ในปี 2049 ประเทศจีนจะเป็นประเทศที่ทันสมัย มีรายได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
ซึ่ง Nakamura อ้างว่า “ความฝันของจีน” จะเป็นตัวขัดขวางการยอมรับในวงกว้างของการใช้เงินหยวนในระบบดิจิตอล
“ผมไม่คิดว่าเงินหยวนดิจิทัลจะเหนือกว่า” เขากล่าว
“พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ต้องให้ความสำคัญกับ “ความฝันของจีน” ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาความเป็นปึกแผ่นของพวกเขาเอาไว้และจะพังทลายลง แต่ถ้าพวกเขาทำมันมากเกินไป พวกเขาก็จะแยกตัวเองออกไปจากโลกและสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ นี่เป็นผลกระทบในเชิงลบ”
จากข้อมูลของ Nakamura เมื่อจีนถูกลบออกจากเครือข่ายการค้าโลก พวกเขาจะสูญเสียเงินสำรองต่างประเทศ ซึ่งการมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้เพียงพอจะมีความสำคัญเนื่องจากจีนต้องการเวลาในการเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเพื่อทำลายอำนาจเงินดอลลาร์สหรัฐ
“ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งอำนาจของเงินดอลลาร์ การมีเงินสำรองต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญมาก และหากในที่สุดแล้วจีนต้องสูญเสียมันไป จะทำให้จีนยากที่จะผลักดันเงินหยวนดิจิทัล”
Nakamura สรุปว่าจีนจะมีโอกาสก็ต่อเมื่อสหรัฐฯจัดการกับสถานการณ์อย่างน่ากลัว และไม่ทำอะไรเลยในช่วงเปลี่ยนผ่านของจีนสำหรับหยวนดิจิทัล
อ้างอิง : LINK