ธนาคารกลางกัมพูชา เปิดตัว White Paper ของโครงการ Bakong ซึ่งเป็นโครงการสกุลเงินเงินดิจิตอลที่ปรับปรุงใหม่ของสกุลเงิน “เรียลกัมพูชา” ซึ่งผู้คนในประเทศไม่ค่อยนิยมใช้งาน และมักหันไปใช้ดอลลาร์สหรัฐกันแทนมานานหลายทศวรรษแล้ว
ธนาคารกลางกล่าวว่า Bakong จะช่วยลดการครอบงำของดอลล่าร์ โดยชักจูงชาวกัมพูชาให้ใช้จ่ายผ่านทาง QR code และ mobile app ด้วย Hyperledger Iroha blockchain ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการโอนเงินแบบเรียลไทม์ระหว่าง e-wallet ที่เชื่อมต่อเข้ากับบัญชีธนาคารของประชาชน
blockchain จะทำงานระหว่างบัญชี Bakong กับบัญชีดั้งเดิม และจะบันทึกธุรกรรมบน distributed ledger ด้วย consensus ผ่านอัลกอริทึม “Yet Another Consensus” ที่ใช้ block voting และใช้เวลาในการประมวลผลธุรกรรมเพียงห้าวินาทีหรือน้อยกว่า
“ปริมาณธุรกรรมอยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 2,000 ธุรกรรมต่อวินาที” ขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเทคนิคโดยธนาคารกลางกล่าวใน white paper ว่า “สิ่งนี้เป็นตัวชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้มีประสิทธิภาพในด้านของ scale อย่างมาก”
ธนาคารกล่าวว่า ธรรมชาติของระบบ peer-to-peer เจะลบความไร้ประสิทธิภาพของ centralized clearing house model โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
“ตั้งแต่ธนาคารและผู้ใช้ส่วนบุคคลได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม DLT ทั้งธนาคารและผู้ใช้ก็ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการเชื่อมต่อและปัญหาการทำงานร่วมกันอีกต่อไป” ธนาคารกลางกล่าว
เป็น CBDC หรือไม่
ในอดีต เจ้าหน้าที่จากกัมพูชาไม่แน่ใจว่าจะเรียกโครงการ Bakong ว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) หรือไม่ โดยจะเรียกมันว่าระบบการชำระเงินบน blockchain แทน โดยผู้ใช้จะต้องฝากเงินเรียลลงในบัญชี Bakong ของพวกเขาก่อนจึงจะสามารถทำธุรกรรมกับผู้อื่นได้ ซึ่งมันแตกต่างจาก CBDC แบบดั้งเดิม
ถึงกระนั้น white paper ก็ระบุว่าในประเทศกำลังพัฒนา อย่างกัมพูชา CBDC สามารถส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงิน และปรับปรุงระบบการชำระเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดความยากจน
ประชากรที่อายุน้อยและมีความชำนาญด้านเทคโนโลยีของกัมพูชาก็มีแนวโน้มที่จะมีการนำ Bakong มาใช้มากขึ้น โดยชาวกัมพูชามีบัญชี e-wallet ในประเทศพุ่งขึ้นถึง 64% ในปี 2019 คิดเป็น 5.22 ล้าน
หากมีการยอมรับการใช้งานอย่างกว้างขวาง ก็อาจทำให้ธนาคารกลางสามารถควบคุมนโยบายการเงินของกัมพูชาได้มากขึ้นและลดการครอบงำของเงินดอลลาร์ในภูมิภาคมาเป็นอยู่มานานหลายทศวรรษ
ยังไม่ชัดเจนว่าโครงการ Bakong จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ โดนใน white paper ระบุไว้เพียงว่า “ต้นปี 2563” ซึ่งนี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว
อ้างอิง : LINK
