สรุปการพูดคุยกับ ซีอีโอ Band Protocol เกี่ยวกับโปรเจคหลังจากเปิดตัว Mainnet และ Staking

เมื่อวานนี้ที่เพจ Bitcoin addict ของเราได้มีการสัมภาษณ์ คุณสรวิศ ศรีนวกุล ซึ่งเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง Band Protocol เกี่ยวกับเรื่องของ Mainnet และ Staking

สำหรับใครที่อาจยังไม่รู้ Band Protocol นั้นเป็นโปรเจคที่มีทีมงานเป็นคนไทย และได้รับเงินทุนกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (95 ล้านบาท) จาก Sequoia ที่ลงทุนทั้งในบริษัทอย่าง Apple หรือ Google นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทแรกของไทยที่ได้เข้า Binance IEO อีกด้วย

อยากให้ช่วยแนะนำตัวและอธิบายว่าบริษัททำเกี่ยวกับอะไร
คุณสรวิศ
– ผมชื่อแมน หรือ สรวิศ เป็น CEO หรือ ผู้ก่อตั้งของ Band Protocol จบปริญญาตรีวิศวะคอมจากสแตนฟอร์ด และจบโท management ที่สแตนฟอร์ดเช่นเดียวกัน มาเริ่มทำ Band Protocol ในปี 2017 โดยสิ่งที่เราทำก็คือ ในโลกของ Blockchain จะมีปัญหาอย่างนึงก็คือการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่อยู่นอกเหนือ Blockchain ได้ เราจะเป็นตัวกลางที่คอยเชื่อมต่อข้อมูลเหล่านั้นให้เข้ามาในโลกของ Blockchain ให้ smart contract สามารถใช้งานได้

Mainnet ที่เพิ่งเปิดตัวไป สำคัญอย่างไร เนื่องจาก Band ก็มี Mainnet บน ETH อยู่แล้ว
คุณสรวิศ – ตอนนั้นที่เราเปิดตัว Mainnet บน ETH เราเจอปัญหาก็คือเรื่องของ ความเร็ว ที่ค่อนข้างช้า นี่คือจุดที่เราย้ายมา Cosmos เพื่อให้การ scalability ทุกอย่างเกิดขึ้นบน Cosmos หรือ Band chain ที่เราสร้างขึ้น แล้วส่งแค่ผลลัพธ์สุดท้ายกลับเข้าไปที่ Blockchain ที่ต้องการใช้งาน

เรื่องที่สองคือ ความยืนหยุ่นที่มากขึ้น เนื่องจากบน ETH การจะอัปเดทต่าง ๆ นั้นทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเราไม่ได้เป็นคนคุม consensus แต่เมื่ออยู่บน Band chain เราสามารถทำได้ง่ายขึ้นเยอะ เราถึงในปี 2020 ที่มีเรื่องของ Defi เข้ามา ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ มากขึ้น ความยืดหยึ่นจึงจำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ใครก็ได้สามารถมาสร้าง request ได้โดยไม่ต้องผ่านเรา อีกทั้งความเร็วในตอนนี้ก็ใช้เวลาประมาณ 6 วินาทีในการประมวลผลทุกอย่าง

ช่วยอธิบายเฟส 1 กับ เฟส 2 หน่อยว่าจะมีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง
คุณสรวิศ – เฟส 0 ที่เราเพิ่งเปิดตัวไป คือการที่ validators มารันโหนดได้ , มี up time 100% ไม่มีการล่มและต้องรับมือกับการโจมตีได้ รวมถึงพาทเนอร์ที่มาช่วย support ดังนั้นเราจึงทำเฟส 0 ให้ง่ายที่สุด ให้เหรียญทำงานได้ รับส่งได้ Stake ได้ ให้คนที่ถือ Band อยู่เข้ามามีส่วนร่วมกับระบบ

ส่วนเฟส 1 คือการเพิ่ม oracle function ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเรา โดยตอนนี้เราก็กำลังมีการทดสอบอยู่ใน Testnet และหากเฟส 0 ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างไม่มีปัญหา เฟส 1 ก็จะเริ่มได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่ เฟส 2 เฟส 3 ยังคงเป็นเรื่องของอนาคตอีกไกล ซึ่งก็การทำงานกับ Data ในรูปแบบที่แตกต่างกัน

เมื่อไหร่ Band จะลิสต์ใน Exchange ไทย
คุณสรวิศ – จริง ๆ เรื่อง Exchange เราก็คุยกับ Exchange ทั่วโลก ส่วนในไทย คงพูดได้ว่าก็คงจะมีในแผนต่อๆไป โดยหลังจากเฟสทำงานได้มั่นคง เราก็จะเริ่มคุยกับ Exchange ทั้งในไทยและต่างประเทศ คิดว่าไม่น่าจะนานเกินรอ

ช่วยอธิบายเหตุผลในการเปลี่ยน token economic จากเมื่อก่อนมีสองระบบ แต่ตอนนี้เหลือระบบเดียวแล้ว
คุณสรวิศ – ตอนแรกที่เราเลือกทำสองระบบ เพราะตอนนั้นเราต้องการทำให้โมเดลของเรา decentralize ที่สุด ปลอดภัยที่สุด แต่ปัญหาก็คือการใช้งานที่ยุ่งยาก ทั้งคนที่ถือ band และคนที่มาใช้งาน data ของเรา และนี่เป็นสาเหตุที่เราเอาทุกอย่างออก และเหลือแค่ Band เพียงเหรียญเดียว

ส่วนการทำให้มันยัง decentralize อยู่ก็คือการใช้ระบบ DPOS โดยคนที่จะเป็น validators ได้ ต้องถือ Band และ Stake band ของเรา รวมถึงการเพิ่ม inflation เข้ามาเพื่อให้คนมีแรงจูงใจในการเข้ามา Stake เพื่อให้ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น มีคนใช้งานมากขึ้น

หลังจากเปลี่ยนเป็น band chain แล้ว เหรียญที่เป็น erc20 จะเป็นอย่างไร
คุณสรวิศ
– ตอนนี้เรายังมีเหรียญ Band ทั้ง erc20 และเหรียญที่เป็น native ซึ่งเราคาดว่า 90% คงมาอยู่ในรูปของ native เพราะถ้าคุณอยากจะ Stake คุณก็ต้องใช้ Band Native โทเค็น

ในระบบใหม่คนที่มาใช้ Band ต้องจ่าย Fee เป็นเหรียญอะไร
คุณสรวิศ
– ทุกอย่างต้องจ่ายเป็น Band Native โทเค็น หมด

มีพาทเนอร์ไหนบ้างที่นำ Band มาใช้บ้างแล้ว
คุณสรวิศ – ที่พอพูดตอนนี้ก็มี lending Protocol และก็มีเจ้าใหญ่ ๆ ที่ได้เริ่มเอา datafeed ของเราไปลองใช้ และก็มีเว็บพนันหลายเจ้าที่เราคุยอยู่

ซีอีโอของ wanchain ที่อยู่ในวิดีโอของ Band นั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร
คุณสรวิศ – เราเอา data ของเราไปใส่ให้กับ app บน wanchain รวมถึงในอนาคตก็อาจจะได้เห็นการ cross chain กับโปรเจคอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น

ที่ Band จะไป oracle ให้กับ Celo Camp รวมถึงตัว stablecoin ของเค้าด้วยหรือไม่
คุณสรวิศ – เราพยายามที่จะทำให้เกิดการใช้งานจริง ๆ โดยมีการคุยกับทีมงานของเค้าที่จะทำงานด้วยได้เพื่อทำให้การใช้งานจริง ๆ เรื่อง stablecoin ก็น่าจะเป็นเรื่องของอนาคต

ตอนนี้ Band เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Chainlink แล้วหรือยังในแง่ของเทคโนโลยี
คุณสรวิศ – ในมุมของเทคโนโลยี เราค่อนข้างแตกต่างกัน Chainlink อยู่บน ETH ก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างปลอดภัยมาก แต่เราที่ย้ายมาอยู่บน cosmos ความ decentralize ในเรื่องของ consensus เราน้อยกว่าเค้า แต่ในเรื่องของความเร็ว และอื่น ๆ เราเหนือกว่าแน่นอน

ถัดจาก Defi แล้วมองไปที่ dpp ไหนเป็นพิเศษมั้ย
คุณสรวิศ – จริง ๆ ใน defi มันก็กว้างมาก เพราะมันมีตั้งแต่ stablecoin , lending , อนุพันธ์ ,ประกัน ซึ่งยังมีงานที่ต้องทำอีกมากในส่วนของ defi ขณะที่นอกจาก defi หลัก ๆ แล้ว น่าจะเป็นเรื่องของเกม หรือโซเชียลมีเดีย Decentralized ที่ต้องการข้อมูลจากข้างนอก รวมถึงการพนัน

ตอนนี้เราสามารถ Stake เหรียญ Band ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
คุณสรวิศ – ตอนนี้เรามี 3 ช่องทาง หลัก ๆ อย่างแรกก็คือง่ายที่สุดผ่าน Exchange โดยตอนนี้ก็มี Bitmax และในอนาคตก็จะมีที่อื่น ๆ เข้ามาเพิ่ม อย่างที่สองซึ่งเป็นอันที่ผมแนะนำที่สุด ก็คือการถือเหรียญไว้ใน hardware wallet แล้วเอาไปเชื่อมต่อกับทาง cosmoscan.io และก็เลือกได้เลยว่าอยากจะ Stake กับ validators คนไหน และทางที่สามคือการใช้โมบายวอลเล็ทของพาร์ทเนอร์เรา เช่น Atomic wallet และ Frontier Wallet

ผลตอบแทนการ Staking อยู่ที่เท่าไหร่และจะคงที่มั้ย
คุณสรวิศ – ตอนนี้ถูก set อยู่ที่ประมาณ 7% – 20% ต่อปี ทีนี้การขึ้นลงของมันจะขึ้นอยู่กับจำนวนของเหรียญที่ Stake อยู่ในระบบ ถ้ามีคนเยอะผลตอบแทนก็จะลดลง รวมถึงในทางกลับกัน

การเปิดโหนดเองไม่มีขั้นต่ำใช่หรือไม่ รวมถึงการ Stake มีขั้นต่ำมั้ย
คุณสรวิศ – ถูกครับ เพราะตอนนี้เรายังมีไม่ถึง 100 โหนด ส่วนการ Stake เราก็ไม่มีขั้นต่ำเช่นกัน

เรื่องการถูกล็อค 21 วัน มันคือส่วนไหนที่ถูกล็อค
คุณสรวิศ – ถ้าคุณต้องการถอนเงินต้นจากการ Stake คุณต้องรอ 21 วันเงินถึงจะถูกปลดล็อค ส่วนผลตอบแทนนั้นคุณสามารถถอนได้เลย และ 21 วันนี้คุณจะไม่ได้ผลตอบแทนใดๆ

เราจะดูได้อย่างไรว่าตอนนี้มีเหรียญที่ Stake อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่
คุณสรวิศ
– ใน cosmoscan.io มีบอกอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ทำไมไม่ใช่ชื่อ Bandchainscan แต่กลับเลือกใช้ cosmoscan จะทำให้คนสับสนรึเปล่า
คุณสรวิศ – เพราะเรามองว่าเราอยู่ในระบบ decentralize ทุกคนใช้งานได้ฟรี เลยตัดสินใจเหมือนให้ cosmos ไปเลย มากกว่าจะมาบอกว่านี่เป็นของ Band

คนที่ถือ Band erc20 จะไม่สามารถ Stake ได้ใช่หรือไม่
คุณสรวิศ – ครับ คุณต้องเปลี่ยนเป็น Band Native โทเค็น เสียก่อน

ยังไม่มีเรื่องการเบิร์นโทเค็นใช่หรือไม่
คุณสรวิศ – ตอนนี้ยังไม่มี แต่คิดว่าในอนาคตอาจจะต้องมี

ลูกค้า Band ที่เป็น dev หรือองค์กรจะนำ Band ไปใช้ได้ในทางไหนบ้าง
คุณสรวิศ – ถ้าเป็น dev ยังไงก็ได้ใช้อยู่แล้ว ถ้าคุณเขียน dapp คุณจำเป็นต้องใช้ oracle ในการดึง data จากข้างนอกเข้ามาใน blockchain ส่วนองค์กรก็คล้าย ๆ กัน

ถ้าแบบนี้ทำไมไม่ทำ centralize ครับ
คุณสรวิศ – ผมคิดว่าถ้าทำ centralize ก็เท่ากับคุณกำลังเชื่อบริษัทเราบริษัทเดียว ซึ่งระบบที่เรากำลังทำคือการทำให้คนไม่โกงได้ง่ายๆ

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงชุมชน Band บ้าง
คุณสรวิศ – เราตั้งใจอยู่แล้วว้าเราไม่ได้อยากจะเป็นเบอร์ 2 ดังนั้นเราจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด และเราตั้งใจให้เกิดการนำไปใช้งานจริง ๆ ในอีก 2 หรือ 3 ปี ข้างหน้า

สามารถเข้าไปดู Live แบบเต็ม ๆ ได้ที่ด้านล่าง

https://www.facebook.com/bitcoinaddictthailand/videos/616079895674262/
Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป