คุณ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสถึงรายละเอียดเกี่ยวกับครงการนำระบบบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้กับการซื้อขายปาล์ม ของกระทรวงพลังงาน
ในโพสดังกล่าว คุณ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ได้กล่าวถึงการได้ไปพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ลานเท ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันที่จังหวัดกระบี่ โดยมีการกล่าวว่า “ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีการเปลี่ยนผ่านนโยบายให้ B10 เป็นน้ำมันเกรดพื้นฐาน ที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) มาเป็นส่วนผสมสำคัญ ทำให้เกิดความสมดุลในผลผลิตปาล์มกับความต้องการใช้ภายในประเทศ แต่สิ่งที่เรายังคุมไม่ได้ก็คือ การคุมราคาที่พี่น้องเกษตรกรจะได้รับราคาที่เป็นธรรม
และด้วยการนำ Blockchain มาใช้นั้น คุณ สนธิรัตน์ เชื่อว่า สิ่งนี้จะช่วยให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม
เราต้องการเครื่องมือคุมการค้าขายปาล์มน้ำมัน ซึ่งบล็อกเชน เป็นระบบที่จะช่วยควบคุม ติดตาม และเก็บข้อมูลการซื้อขายปาล์มอย่างครบวงจร ทำให้เกิดราคาที่เป็นธรรม และเม็ดเงินถึงพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มหรือไม่ พูดง่ายๆ ว่า ปลายทาง (โรงกลั่น) จะมองเห็นต้นทาง (เกษตรกร) แล้วเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในการซื้อขายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า Blockchain จะทำให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม 3 ด้าน คือ 1.สมดุลการใช้ปาล์มกับผลผลิตในประเทศไทย 2. ปลายทางของ CPO ไปตอบสนองราคาต้นทางของพี่น้องเกษตรกร 3. ผลพลอยได้ ก็คือ ป้องกันการลักลอบนำเข้า เพราะคุมกระทั่งว่าซื้อจากสวนไหน ปริมาณเท่าไหร่ จะไม่มี CPO ส่วนเกินโผล่ขึ้นมาได้ เพราะจะถูกบล็อกเชนกำกับไว้ได้
เกษตกรได้ประโยชน์เต็มๆ
ด้วยการนำ Blockchain มาใช้ คุณ สนธิรัตน์ เชื่อว่าจะช่วยให้เกษตรสวนปาล์มได้ราคาขายผลผลิตปาล์มเป็นสัดส่วนเดียวกันกับ CPO และไม่โดนกดราคาอีกต่อไป และในส่วนของเป้าหมายของโครงการนี้คือการที่เกษตรชาวสวนปาล์มสามารถขายปาล์มได้ราคาและสามารถมีรายได้ที่มั่นคงจากปาล์มน้ำมัน
เรามีสื่อกลาง ก็คือ แอปฯ มือถือ ที่จะให้ผู้ซื้อผู้ขายโหลดไว้กับตัวเอง ใช้ง่ายไม่ยุ่งยากครับ เพราะผู้ซื้อจะเป็นคนกรอกข้อมูลทั้งหมด ส่วนเกษตรกรใช้แค่ ชื่อสกุล และเลขบัตรประชาชน 13 หลักเท่านั้น
บล็อกเชนช่วยปฏิรูปการซื้อขายปาล์มในประเทศไทย
คุณ สนธิรัตน์ กล่าวปิดท้ายว่า “ผมเชื่อว่าการนำบล็อกเชนมาใช้ เป็นการปฏิรูปการซื้อขายปาล์มทั้งประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นการกินดีอยู่ดีของพี่น้องเกษตรกรจากมิติด้านพลังงานครับ”
