การปรับอัตราความยากในการขุด (mining difficulty) ของ Bitcoin หรือที่เรามักเรียกกันว่า “ค่า Diff” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ซาโตชิ โดยเมื่อจำนวนผู้ขุดเพิ่มขึ้นหรือลดลง ค่าความยากในการขุดก็จะเพิ่มหรือลดลงในทุกๆ 2016 บล็อก และในวันนี้เราก็ได้เห็นการเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 7%
ความยากในการขุดเพิ่มขึ้น แต่มันหมายความว่าอย่างไรสำหรับ BITCOIN?
ความยากในการขุดของ Bitcoin จะมีการปรับใหม่ทุก ๆ สองสัปดาห์ หรือ 2016 blocks ซึ่งหมายความว่าเมื่อผู้ขุดเพิ่มพัลในการขุดหรือ hash rate ค่าความยากในการขุดก็จะเพิ่มสูงขึ้น หากนักขุดหยุดการขุดลง ค่าความยากก็จะลดลงเพื่อรักษาสมดุล
hash rate ของ Bitcoin คือปริมาณของพลังในการประมวลผล ยิ่งค่านี้สูงขึ้น ความปลอดภัยในเครือข่ายจากการถูกโจมตี 51% attack ก็จะสูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
ค่า difficulty ของ Bitcoin ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 7% และจะมีการปรับระดับอีกครั้งในวันที่ 21 มีนาคม หรือจนครบ 2016 blocks เมื่อ difficulty เพิ่มขึ้นก็จะทำให้เครือข่ายถูกโจมตีได้ยากขึ้นเช่นกัน
Hash rate เพิ่มขึ้นก่อนที่จะถึง Halving
ตัวอย่างหนึ่งที่ปรากฎเกี่ยวกับ Halvings คือ ความกลัวว่า block reward ที่ลดลงของนักขุด จะทำให้การขุดไม่มีกำไรและก่อให้เกิดการลดฮวบของอัตรา hash rate จากการยอมแพ้ไปของนักขุด
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของการผลิต BTC ใหม่ และ supply ที่ลดลงของเหรียญ จะเพิ่มแรงกดดันในด้านราคาและอาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นในที่สุด และนักขุดที่สามารถยังดำเนินการขุดได้ต่อไปหลังจาก Halving มักจะมีผลกำไรมากขึ้นในท้ายที่สุด
รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่ลงข่าวเกี่ยวกับ halving ก็จะช่วยดึงดูดนักเทรดหน้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดในมากขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้ราคาเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ที่มา : LINK