หนึ่งในการได้มาซึ่ง cryptocurrencies นอกจากการโอนเงินไปซื้อในเว็บเทรดแล้วก็คือการขุด แต่ปัจจุบันค่า difficult ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้การใช้การ์ดจอขุดเพียงใบเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป จำเป็นต้องใช้อย่างน้อย 4 ถึง 6 ใบประกอบกันขึ้นมาเป็น Rig หรือเครื่องขุด ดังนั้นการลงทุนในการ์ดจอสำหรับการขุด crypto จึงเป็นเรื่องที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก และด้วยจำนวนของการ์ดจอที่มีอยู่มากมายในปัจจุบัน เราจึงจำเป็นต้องรู้ว่าในตอนนี้มีรุ่นบ้างที่เหมาะสมต่อการขุด
ก่อนที่จะไปซื้อการ์ดจอมาขุด สิ่งที่ทุกคนต้องพิจารณาและใส่ใจในการเลือกซื้อก็คือ:
- memory หรือหน่วยความจำของการ์ด ยิ่งมีเยอะยิ่งดี สิ่งนี้ถือเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการขุด Ether (ETH) ส่วนใหญ่แล้วควรเลือกการ์ดจอที่มีหน่วยความจำอย่างน้อย 4 GB
- ความเร็ว การ์ดที่เราจะเลือกซื้อควรใช้หน่วยความจำแบบ DDR5 เพราะมีความสมดุลที่ดีระหว่างการใช้พลังงานและพลังในการขุด
- Cooling หรือการระบายความร้อน องค์ประกอบที่สำคัญในการขุดอีกหนึ่งอย่างคือการปกป้องการ์ดจอจากความร้อนที่สูงเกินไป เนื่องจากการขุดนั้นจะทำให้การ์ดทำงานหนักมาก การระบายความร้อยจึงเป็นเรื่องสำคัญ
- ความสามารถในการโอเวอร์คล็อก การ์ดที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ จะทำงานได้เร็วขึ้น 20% –30% ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยให้ประสิทธิภาพในการขุดดีขึ้น
- Bus width หรือความกว้างของหน่วยความจำบนการ์ดจอ ซึ่งเป็นช่องทางในการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลของกราฟิกของการ์ด การ์ดจะประมวลผลได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความกว้างของหน่วยความจำ และนี่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการ์ด เราจึงควรเลือกการ์ดที่มี bus width อยู่ที่อย่างน้อย 256 bit
- อัลกอริทึม เราจำเป็นต้องเลือกซื้อการ์ดจอที่เข้ากันได้ดีกับอัลกอริทึมของเหรียญที่เราจะขุด
- ราคา อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงคือต้นทุนของอุปกรณ์ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับการคำนวณรายได้และต้นทุนของเรา ดังนั้นนี่อาจเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดที่เราต้องพิจารณา
ตอนนี้การ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ก็มีออกมามากมายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ใช่ทุกตัวที่จะสามารถ ๆ นำมาขุดแล้วกำไรดี เราจึงได้รวบรวมกราฟิกการ์ดที่ดีที่สุดสำหรับการขุด crypto ในปี 2020 จาก 2 บริษัทใหญ่ที่เรารู้จักกันดีได้แก่ Nvidia และ AMD
การ์ดฝั่ง Nvidia
กราฟิกการ์ดจากบริษัท Nvidia เป็นหนึ่งในการ์ดที่ดีที่สุดสำหรับการขุด crypto ในปีนี้ เนื่องจากมีความสมดุลที่ดีระหว่างประสิทธิภาพและราคา และนี่คือลิสต์ของการ์ดฝั่ง Nvidai ที่ยังน่าสนใจในการนำมาขุด Crypto
GTX 1050 Ti : หลายคนอาจจะบอกว่า เฮ้ย!! มันยังขุดได้อีกหรอรุ่นนี้ ถูกครับ มันเป็นการ์ดที่ขุดได้แย่ที่สุดแล้วของ Nvidia ในตอนนี้ แต่ข้อดีของมันก็คือราคาที่ต่ำ อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท ++ การ์ดตัวนี้มี RAM 4 GB และ 500 MHz สำหรับหน่วยความจำ ส่วนระดับการโอเวอร์คล็อกที่แนะนำคือ 150 MHz แต่แม้จะมีราคาที่ต่ำ แต่รุ่นนี้ก็อาจไม่เหมาะสำหรับการนำมาขุด Ether อีกแล้ว เนื่องจากกำไรนั้นน้อยมาก
GeForce GTX 1060 : การ์ดใบนี้ถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในการ์ดที่ดีที่สุด ด้วย memory ที่มี 3 GB ถึง 6 GB และราคาที่ประมาณ 3,000 บาท +- แต่รุ่น 3 GB นั้นอาจไม่เหมาะสำหรับการนำมาขุด – การ์ดรุ่น 6 GB จะดูเหมาะสมกว่า การตั้งค่าการโอเวอร์คล็อกคือ 150 MHz และ 500 MHz สำหรับ memory และด้วยความจุของหน่วยความจำที่ต่ำจึงส่งผลให้ GTX 1060 สร้างแรงขุดได้เพียงประมาณ 20 MH / s เท่านั้น
GeForce GTX 1070 และ 1070 Ti : แม้ว่าการ์ดตัวนี้จะดูเหนือกว่า GTX 1060 แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ขุดได้มากขึ้นเท่าไหร่นัก การ์ดตัวนี้มาพร้อมกับหน่วยความจำ 8 GB แต่สร้างแรกขุดได้เพียงประมาณ 28 MH / s เท่านั้น และในด้านราคาก็ยังถือว่าแพงเกินไปอีกด้วย
GeForce GTX 1080 Ti : นี่เป็นหนึ่งในกราฟิกการ์ดที่ทรงพลังที่สุดในขณะนี้ และไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่ระยะการคืนทุนก็ยังเร็วกว่าการ์ดซีรีส์ 1070 เกือบสองเท่า ซึ่งนักขุดหลายคนก็แนะนำให้ซื้อการ์ดตัวนี้ แต่อย่างลืมดูเงินในกระเป๋าด้วยเนื่องจากราคาของมันนั้นก็ยังสูงอยู่เหมือนกันที่ประมาณ 10,000 บาท +- โดยมีอัตราการแฮชอยู่ที่ 32.2 MH / s ขึ้นอยู่กับการดัดแปลงหลายอย่างและการตั้งค่าที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม GTX 1080 Ti ต้องการกระแสไฟถึง 250W ทำให้เป็นหนึ่งในการ์ด Nvidia ที่กินไฟมากตัวหนึ่ง
RTX 2080 Ti : การ์ดเรือธงของฝั่ง Nvidia ในตอนนี้ มีความแรงกว่ารุ่นก่อนถึงหกเท่า และมีหน่วยความจำ 11 GB แต่ระยะเวลาคืนทุนสำหรับ RTX 2080 นั้นก็ขึ้นอยู่กับราคาและความผันผวนของตลาดสกุลเงินดิจิตอล โดยการ์ดตัวนี้เหมาะในการขุดอัลกอริทึม ZHash, Ethash และ Equihash ในเรื่องราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันที่ 30,000 บาท ++
การ์ด AMD
กราฟิกการ์ดจากฝั่งของ AMD ก็มีความนิยมในการนำมาขุดเช่นกัน เนื่องจากประสิทธิภาพที่คล้ายกันกับฝั่ง Nvidia แต่ราคาถูกกว่า ดังนั้นทุกครั้งที่มีการออกการ์ดรุ่นใหม่มันจึงขายหมดอย่างรวดเร็ว การ์ดของ AMD นั้นมีแนวโน้มของระยะเวลาคืนทุนที่ค่อนข้างสั้นกว่าเมื่อเทียบกับการ์ดอื่น ๆ ในตลาดและสามารถขุด ETH ได้
Radeon RX 570 และ Radeon RX 580 : RX 570 เป็นหนึ่งในการ์ดดีที่สุดสำหรับการขุด Ether ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ล่าสุดของ Claymore dual miner มันสามารถโอเวอร์คล็อกให้ได้แรงขุดสูงสุดถึง 30 MH / s ด้วยการใช้ไบออสจากโรงงาน ส่วน RX 580 ในแง่ของการขุดนั้นไม่แตกต่างจากรุ่น RX 570 มากนัก แต่มันเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นเกม ซึ่งก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายต่อหลังจากที่เราต้องการเปลี่ยนรุ่นหรือเลิกขุดแล้ว
RX Vega 56 : นี่คืออดีตการ์ดเรือธงของฝั่ง AMD และมันยังสามารถทำกำไรได้มากที่สุดจากอัลกอริธึม Cryptonight ด้วยหน่วยความจำ 8 GB สามารถโอเวอร์คล็อกได้ 100 MHz และ 600 MHz สำหรับ memory
RX Vega 64 : เช่นเดียวกับตัวด้านบน Vega 64 สามารถทำกำไรได้ดีที่สุดในการขุดอัลกอริธึม Cryptonight เช่นเหรียญ Monero ( XMR ) ส่วนรองลงมาคือ Ether จุดที่ต้องระวังสำหรับตัวนี้คืออย่าโอเวอร์คล็อกการ์ดมากจนเกินไปเพราะมันไวต่อความร้อนสูง แต่อย่างไรก็ตาม Vega 64 นั้นค่อนข้างเสถียรเมื่อนำมาขุด โดยการ์ดตัวนี้มีหน่วยความจำอยู่ที่ 8 GB
RX Radeon VII : สำหรับรุ่นนี้นั้นค่อนข้างหาได้ยากแล้วในตอนนี้ และระยะเวลาคืนทุนก็ค่อนข้างยาวนาน ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงแม้จะขุดได้ดีก็ตาม แต่นักขุดส่วนใหญ่มักเลือก RX 570 ซึ่งจะทำกำไรได้มากกว่า
แล้วจะเลือกการ์ดตัวไหนถึงจะขุดได้กำไรดีสุด?
เป็นเรื่องยากมากที่จะตอบคำถามนี้ โลกของการขุด crypto นั้นกว้างใหญ่และมีอัลกอริธึมหลายพันตัว แต่ปัจจัยที่เราต้องคำนึงให้มาก ๆ ก็คือราคาของ cryptocurrencies ที่ผันผวนเอามาก ๆ ทำให้การเลือกการ์ด ที่ดีที่สุดสำหรับทุก ๆ โอกาสนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรเลือกการ์ดที่เหมาะสมกับความต้องการในการขุดของเรามากที่สุดจะดีที่สุด (และอย่าลืมว่าเงินที่เอามาลงทุนต้องไม่ใช่เงินร้อน เงินกู้)
ที่มา : LINK