องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศเผย การโจมตีด้วยมัลแวร์ขุดคริปโต ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลง 78%

Cryptojacking หรือการโจมตีด้วยมัลแวร์ขุดคริปโต ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดของปี 2019 แต่จากรายงานล่าสุดของ Interpol (องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ) เผยว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบลดลงถึง 78 เปอร์เซ็นต์

ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นในสิงคโปร์ องค์การตำรวจสากล ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานตลอด 6 เดือน ในการลดปัญหา Cryptojacking ภายในภูมิภาค  โดยสามารถทำให้การโจมตีลดลงได้ถึง 78% เมื่อเทียบกับมิถุนายนในปี 2019 ด้วยความร่วมมือกับบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง Trend Micro

รายงานระบุว่า การดำเนินการเริ่มต้นขึ้นเมื่อองค์การตำรวจสากลพบว่ามีการใช้เราเตอร์ MikroTik กว่า 20,000 เครื่องเพื่อทำการขุดสกุลเงินดิจิตอล โดยมีการเรียกคืนเราเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ และเผยแพร่คำแนะนำแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในการใช้ซอฟต์แวร์ของ Trend Micro เพื่อตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ ส่งผลให้จำนวนอุปกรณ์ที่ติดเชื้อในภูมิภาคลดลง 78%

Cryptojacking ถือเป็นมัลแวร์ที่เป็นอันตรายซึ่งสามารถแพร่เชื้อไปสู่อุปกรณ์ใด ๆ ก็ได้ ทั้งจากมือถือ , อุปกรณ์ IoT ที่เล็กที่สุดไปยังห้องเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ซึ่งมันจะแฝงตัวอยู่เบื้องหลังของอุปกรณ์ที่ติดเชื้อและใช้ CPU ของเครื่องเหล่านั้นในการขุด cryptocurrency และสร้างผลกำไรให้กับแฮ็กเกอร์ 

แต่เนื่องจากมันค่อนข้างง่ายในการตรวจจับและลบออกจากอุปกรณ์ที่ติดไวรัส ทำให้มักจะถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงน้อยกว่าการโจมตีด้วยไวรัวเรียกค่าไถ่หรือ Ransomware อย่างไรก็ตามมันยังสามารถสร้างความเสียหายแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มากเกินไปและแม้กระทั่งความเสียหายอุปกรณ์ของพวกเขา ดังนั้นหากคุณสังเกตเห็นว่าคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานช้าหรือพัดลมระบายความร้อนหมุนเร็วกว่าปกติ ให้รีบตรวจสอบหามัลแวร์ทันที

ที่มา : LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป