ตำรวจทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน หลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัล

รายงานจากเว็บไซต์คมชัดลึกระบุว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2562  พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สตม. เข้าทลายเครื่อข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน 24 ราย ที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่หลอกลวงลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล ที่อาคารกาแลคซี่ ชั้น 9 ถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา

โดยขณะเข้าจับกุม พบกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน 24 คน กำลังพูดคุยกับชาวจีนที่อยู่ในเมืองจีนผ่านทางโทรศัพท์ และมีการเปิดเว็บไซต์ Huobi Global เพื่อดูแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ รวมทั้งมีโทรศัพท์มือถือวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมพร้อม ยึดของกลางโน๊ตบุ๊ค 61 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 420 เครื่อง

ทางด้านพล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากเข้ามายังอาคารดังกล่าวแล้วไม่ออกไปไหน จึงประสานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตรวจสอบ ก่อนมอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการจนสามารถขอหมายค้นภายในชั้นดังกล่าวได้ และพบผู่ต้องหาและของกลางดังกล่าว

จากการสอบถามกลุ่มชาวจีนให้การว่า ได้รับการชักชวนมาจากเพื่อนให้มาทำงานที่ไทย เนื่องจากมีรายได้ดีและได้ท่องเที่ยวฟรี เมื่อมาถึงนายหน้าได้พาเที่ยวพัทยา 7 วัน 7 คืน ซึ่งหลังจากเที่ยวก็จะถูกพามาที่สถานที่ดังกล่าว ถูกยืดพาสปอร์ตและให้นั่งพูดคุยกับชาวจีนในประเทศจีน เพื่อหลอกล่อให้ลงทุนร่วมผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ทุกวัน โดยไม่ให้ออกไปไหน ซึ่งจะมีแม่บ้านชาวจีนขึ้นมาประกอบอาหารให้กินทุกมื้อ โดยกลุ่มชาวจีนชุดนี้ส่วนใหญ่เข้าประเทศไทยมาเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือประมาณ 2 เดือน ได้รับค่าจ้างเดือนละ 2-3 หมื่นบาท และโบนัสพิเศษหากชักชวนชาวจีนให้มาลงทุนได้

สำหรับพฤติกรรมของขบวนการนี้เริ่มจากการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมาเช่าอาคารเพื่อเปิดบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน  โดยพบว่ามีการเช่าพื้นที่แต่ละที่อย่างน้อย 3 เดือน และจะมีการเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ โดยจ่ายค่าเช่าสูงถึงเดือนละ 1 ล้านบาท หลังจากนั้นจึงได้ทำการหลอกให้ผู้เสียหายลงทุนสกุลเงินดิจิตอล  โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะโทรชักจูงว่าจะให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้ฝ่ายสืบสวนยังทราบว่าในส่วนของการถือหุ้นบริษัท พบว่ามีคนไทยถือหุ้นอยู่ 51% นอกนั้นเป็นชาวจีน โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพ

อย่างไรก็ตาม จะขอฝากเตือนถึงประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อธุรกิจที่หลอกลวงว่า ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากพบผู้เสียหายจากการหลงเชื่อและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องที่ยังหลบหนี เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  พร้อม เร่งประสานทางการจีนตรวจสอบความเสียหายเพิ่มเติม

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป